รู้จักพลังแห่ง ‘ความรู้ทบต้น’ ที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้

หากคุณเคยได้ยินเรื่อง ‘พลังแห่งดอกเบี้ยทบต้น’ ที่เริ่มต้นด้วยเงินน้อยแต่ทบต้นจนกลายเป็นเงินมหาศาลได้นั่นอาจจะเป็นคำที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ยินกันเสมอ แต่ยังมีพลังแห่งการทบต้นที่ผมอยากนำมาพูดถึงในวันนี้ นั่นก็คือ ‘พลังแห่งความรู้ทบต้น’ หรือ Exponential Knowledge ซึ่งผมเชื่อว่าเราทุกคนต้องเคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาแล้วในชีวิต เพียงแต่ไม่ทันได้สังเกตเท่านั้น

ผมจึงอยากให้คุณลองนึกย้อนกลับไปตอนที่คุณยังเป็นเด็ก ยังบวกลบคูณหารเลขไม่เป็น ยิ่งให้คิดเปอร์เซ็นต์ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกกันแน่นอน จริงไหมครับ แต่พอมาถึงวันที่คุณได้ผ่านบทเรียนการบวกลบคูณหารเลข ได้ทำการบ้านคณิตคิดในใจ มานับสิบๆ ปี

มาถึงวันนี้แค่เห็นป้ายป้าย Sale ในห้าง ก็อาจจะรู้ราคาหลังหักส่วนลดไปแล้วด้วยสายเลือดนักช็อปที่พัฒนามาจากวิชาคณิตคิดในใจนั่นเองครับ 

เพราะเมื่อคุณเริ่มบวกลบเลขได้ คิดเปอร์เซ็นต์ได้ คุณก็เอาไปใช้ประยุกต์ใช้กับเรื่อง อื่นๆ ได้เร็วขึ้น เวลาซื้อของที่ตลาดคุณรู้ว่าต้องจ่ายเงินยังไงให้แม่ค้าทอนเงินสะดวกที่สุด หรือเอาไปทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตัวเองได้

นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ของ Exponential Knowledge หรือ ‘ความรู้ทบต้น’ ที่นักคิดตั้งแต่ในอดีตตกผลึกกันออกมาครับ และคุณก็ต้องเคยเจอมันมาแล้วแน่ๆ ในสักช่วงนึงของชีวิต

กลับมาที่เรื่องการลงทุน

ถ้าคุณได้ศึกษาชีวประวัติของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก จะพบว่าพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็น ‘นักอ่าน’ มือฉมังครับเพราะการลงทุนคือการทำให้เงินงอกเงยจากการเปลี่ยนแปลงของอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของผลประกอบการบริษัทแบบที่นักลงทุนสาย VI มองหา ซึ่งทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว

หรือจะเป็นการขยับขึ้นลงของค่าเงินและราคาน้ำมันจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หรือแม้แต่การลงทุนที่ดินหรืออสังหาฯ จากการตัดถนนเส้นใหม่ ก็มีนักลงทุนที่ทำกำไรจากเรื่องเหล่านี้ได้หมด

แต่คุณจะไม่มีทางรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้เลย ถ้าคุณไม่ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำโดยการ ‘อ่าน’ หรือสมัยนี้อาจจะรวมถึงการ ‘ฟัง’ เข้าไปด้วย

พลังแห่งความรู้ทบต้น

ถ้าคุณเคยวิเคราะห์หุ้นสักตัว สมมติว่าเป็นหุ้นบริษัทค้าปลีกแห่งนึงจนเข้าใจทะลุปรุโปร่ง คุณรู้ว่าวงจรเงินสด (Cash Cycle) คืออะไร รู้ว่าการขยายสาขาส่งผลยังไงต่อรายได้และต้นทุนของบริษัท รู้ว่าใครคือเจ้าตลาด

หลังจากนี้ ถ้าคุณจะไปวิเคราะห์หุ้นบริษัทค้าปลีกตัวอื่นๆ ต่อไป คุณก็จะใช้เวลาน้อยลงในการวิเคราะห์ เพราะเคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งนึงตอนที่วิเคราะห์บริษัทแรก

คุณรู้ว่าต้องไปหาข้อมูลอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทได้ที่ไหน รู้ว่า Business Model เป็นยังไง บรรทัดไหนในงบการเงินที่ต้องดูเป็นพิเศษ เหมือนมี Template อยู่ในหัวหมดแล้ว พร้อมดึงมาใช้ได้ทันที…นี่คือตัวอย่างของ ‘ความรู้ทบต้น’ ในเรื่องการลงทุนครับ

ยิ่งคุณมีความรู้หรือทักษะด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น ค่อยๆ สะสมไปทีละนิด ในที่สุดความรู้เหล่านั้นจะช่วยให้คุณวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ได้เร็วขึ้น ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นไปเองโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การเรียนรู้หลักการลงทุนหลากหลายแบบ กลยุทธ์การลงทุนหลายแนว หรือแนวคิดของนักลงทุนระดับโลกหลายๆ คน ย่อมมีประโยชน์กับการลงทุนของคุณไม่มากก็น้อยครับ

ถึงแม้ว่าคุณจะนิยมชมชอบและยึดถือหลักการลงทุนแบบ VI เป็นหลัก แต่การรู้วิธีลงทุนแนวอื่นไว้ก็ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วในการลงทุนให้คุณได้ ไม่แน่ว่าวันนึงข้างหน้าชีวิตคุณอาจจำเป็นต้องใช้ความรู้ชุดนี้ก็ได้

โลกยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน มีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าคุณมี ‘เครื่องมือ’ ติดตัวพร้อมใช้งาน ก็ย่อมดีต่อตัวคุณเองครับ

หนึ่งในความเชื่อของผมและชาว Jitta ทุกคน คือการหมั่นเติมความรู้ด้านการลงทุนที่ถูกหลักการ เพื่อกำไรและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราสนับสนุนทั้งภายในองค์กรและส่งต่อไปถึงลูกค้า เนื่องในโอกาสฉลองวันเกิดครบรอบ 11 ปี ของ Jitta ผมจึงมีขอขวัญเล็กๆ น้อยๆ เป็นโค้ดส่วนลดหนังสือมาแจกคุณผู้อ่านฟรีครับ เพียงสมัครสมาชิกเว็บไซต์ investing.in.th เลือกหนังสือที่สนใจ แล้วกรอกโค้ด ‘JITTA11TH’ ที่ขั้นตอนการชำระเงิน  รับส่วนลดไปเลยทันที 100 บาท เมื่อซื้อหนังสือขั้นต่ำ 800 บาท  รีบหน่อยนะครับ เพราะว่าโค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัด และต้องใช้ภายในวันที่ 30 เม.ย. 66 นี้เท่านั้น ครับ

ผมเชื่อว่าความรู้ยิ่งมีมาก เราจะเสี่ยงน้อยลงครับ แล้วเราจะมีความสุขกับการลงทุนมากขึ้นครับขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ