อินไซต์เศรษฐกิจ

อิตาลี ประเทศที่สร้างชาติด้วยศิลปะ หนุน Soft Power ให้แข็งแกร่ง

25 เม.ย. 67
อิตาลี ประเทศที่สร้างชาติด้วยศิลปะ หนุน Soft Power ให้แข็งแกร่ง

 istock-539115110

หากนึกถึงประเทศที่มีอารยธรรมและความเจริญทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งสถาปัตยกรรม งานออกแบบ แฟชั่น สถานที่ท่องเที่ยว สิ่งมหัศจรรย์ และงานศิลปะชื่อดังระดับโลก อิตาลี คงจะเป็นประเทศแรกๆที่หลายคนนึกถึง 

บทความนี้ SPOTLIGHT พาทุกคนมาท่องโลกศิลปะที่ทรงคุณค่าและมีอิทธิพลของอิตาลี จนสามารถต่อยอดสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้แก่ประเทศ

อิตาลี เจ้าแห่ง Soft Power ที่ทรงพลังทุกมิติ

‘อิตาลี’ ประเทศที่หลายคนนึกถึงทั้งเรื่องอาหาร แฟชั่นหรูหรา สถาปัตยกรรม โดยหากพูดถึงอาหาร แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเมนูสุดคลาสิกอย่าง พิซซ่า สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ไปจนถึงต้นตำหรับไอศกรีม Gelato ส่วนหากพูดถึงแบรนด์ยี่ห้อรถ Super Car ที่อิตาลีก็มีทั้ง Ferrari, Lamborghini, Maserati หรือมอเตอร์ไซค์คันเก๋อย่างแบรนด์ Vespa

istock-967320010

และที่ขาดไม่ได้ อิตาลี ยังเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นลักชูรี่ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Versace , Fendi, Valentino, Moschino, Giorgio Armani หรือ Botegga Veneta 

อีกทั้งยังมีความเจริญทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและยุคเรอนาสซองส์ที่ทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลป์ อาคารบ้านเรือนที่สวยงาม มหาวิหาร และอิตาลี ยังเป็นประเทศบ้านเกิดของ 4 บุรุษแห่งยุคเรอเนสซองส์ในตำนานอย่าง เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ราฟาเอล (Raphael) บอตติเชลลี (Botticelli)

cenacolo-a-tongerlo-4bd63e-1

จากพลังแห่งการผลักดันพัฒนาศิลปะในทุกมิติของประเทศ ส่งผลให้อิตาลีมีความโดดเด่นทุกด้าน โดยเฉพาะในด้าน อาหาร แฟชั่น การท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้อิตาลี กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกและอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป (EU) ประเทศมีความมั่งคั่งเพราะธนาคารกลางอิตาลีมีสำรองทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย 

แต่เส้นทางการขับเคลื่อนงานศิลปะของอิตาลีให้เข็มแข็ง ไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ หาก ‘กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว’  (Rome was not built in a day) soft power ของอิตาลีก็สะสมมานานนับพันปี จนสามารถสร้างมูลค่าอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ

istock-1487574578-2

4 เมืองศิลปะที่ทรงคุณค่าของอิตาลี

อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีมรดกโลกที่จดทะเบียนกับ UNESCO มากที่สุดของโลก ถึง 58 แห่ง และยิ่งไปกว่านั้นแต่ละเมืองของอิตาลีล้วนแล้วมีความงดงามทางศิลปะ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้อิตาลี กลายเป็นเป็นหนึ่งในสุดยอดจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว

กรุงโรม

เมืองหลวงของอิตาลี และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด เสน่ห์ของกรุงโรม คือความเก่าแก่ของบ้านเมือง ที่มีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี ที่บอกเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน ต้นแบบของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีในปัจจุบัน ทั้งสิ่งก่อสร้าง, โบราณสถาน, ประติมากรรมที่เป็นตำนานเล่าขานถึง

istock-1473778359

โคลอสเซียม : สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในยุคโรมันโบราณ สถาปัตยกรรมที่มหึมาอายุกว่า 1,900 ปี 

จัตุรัสโรมัน : ซากอารยธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเมือง และศาสนาในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมัน

มหาวิหารนักบุญเปโตร : สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งในคริสตจักรโรมันคาทอลิก

มิลาน

เมืองขึ้นชื่อด้านแฟชั่นอันดับต้นๆของโลก และเป็นศูนย์กลางการจัดงานออกแบบระดับโลก อย่างงาน Salone del Mobile หรือ Milan Design Week และเมืองแห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์ทางศิลปะ และวัฒนธรรมจากสถาปัตยกรรม

มหาวิหารดูโอโม่ : มหาวิหารสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และยังเป็นวิหารแบบโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ใช้เวลาการสร้างมากถึง 400 ปี

istock-530566045

ฟลอเรนซ์

เมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะยุค Renaissance และงานศิลปะอันเลื่องชื่อ ในเมืองมีพิพิธภัณฑ์และงานจัดแสดงศิลปะจำนวนมาก

มหาวิหารฟลอเรนซ์ :  มหาวิหารที่มีอายุมานานกว่า 800 ปี ผลงานทางสถาปัตยกรรมที่สร้างในแบบนีโอโกธิค

พิพิธภัณฑ์ Uffizi : ศูนย์รวมงานระดับ Masterpieces ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ทั้งงานภาพวาด ประติมากรรม งานพิมพ์ และภาพเสก็ต

istock-637851834

เวนิส

เมืองแห่งการท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อสำหรับการมาฮันนีมูนของคู่รัก ด้วยกลิ่นอายของศิลปะหลากยุคหลากสมัยที่มาพร้อมกับเสน่ห์ของการเดินทางด้วยเรือกอนโดลาไปยังสถานที่ต่างๆ

Gallerie dell’Accademia : พิพิธภัณฑ์ศิลป์ที่มีมานานกว่า 200 ปี ที่มีงานศิลปะตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 14 จนถึง 18 ผ่านผลงานของศิลปินชื่อดังจำนวนมาก

The Venice Biennale : เทศกาลศิลปะนานาชาติแห่งหนึ่งที่เก่าแก่และทรงคุณค่าที่สุดในโลกที่มีอายุยาวนานมากว่า 129 ปี ที่สร้างปรากฎการณ์ Venice Effect สร้างมูลค่าทางศิลปะวัฒธรรม และเศรษฐกิจของอิตาลี

istock-911570904

‘เวนิส เบียนนาเล่’ เทศกาลงานศิลปะที่เก่าแก่กว่า 129 ปี 

La Biennale di Venezia (The Venice Biennale) คือ เทศกาลศิลปะนานาชาติแห่งหนึ่งที่เก่าแก่และทรงคุณค่าที่สุดในโลกที่มีอายุยาวนานมากว่า 129 ปี การจัดงานเกิดขึ้นทุกสองปีที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มีทั้งการจัดแสดงศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ การเต้นรำ และผลงานสถาปัตยกรรม โดยแบ่งสถานที่จัดงานเป็น 2 โซน คือ

  • Arsenale โกดังใหญ่ของอู่ต่อเรือและคลังแสงอายุหลายร้อยปี สถาปัตยกรรมเก่าและสไตล์ลอฟ

  • Giardini สวนสาธารณะที่มีอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรเป็นหลังๆ แยกตามประเทศของตนเอง

เทศกาลศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ถือกำเนิดครั้งเเรกเมื่อปี 1895 เนื่องจากนายกเทศมนตรีสภาเมืองเวนิสต้องการจัดนิทรรศกาลศิลปะอิตาลีและนานาชาติ โดยสามารถดึงดูดผู้คนในวงการศิลปะมาร่วมงานได้ถึง 200,000 คน ตั้งแต่การจัดเทศกาลในครั้งแรก 

pro_arte

โดยงานในปี 2024 นี้ จะถูกจัดขึ้นตั้งเเต่วันที่ 20 เม.ย. 67 - 24 พ.ย.67 ในธีม Foreigners Everywhere ซึ่งสามารถแปลความหมายโดยนัยได้ว่า เราทุกคนมักจะเป็นชาวต่างชาติได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณก็จะถูกรายล้อมด้วยชาวต่างชาติเสมอ หรือแม้แต่ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนคุณก็จะพบเจอคนแปลกหน้า หรือคุณเองก็อาจเป็นคนต่างด้าวเช่นเดียวกัน 

 _koh9277

ฝันที่เป็นจริง ครั้งแรกของศิลปินอาเซียน ที่ได้เฉิดฉายที่เวนิส, อิตาลี

และถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยจะมีการผลักดัน จนทำให้ศิลปินไปเฉิดฉายบนเวทีโลกได้ แต่มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ก็ได้มีการผลักดันฝันของศิลปินไทยและอาเซียนให้เป็นจริงเช่นกัน ผ่านนิทรรศการ The Spirits of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร ของศิลปินไทยและอาเซียนกว่า 15 ศิลปิน เช่น มารีน่า อบราโมวิช (เซอร์เบีย สหรัฐอเมริกา) พิเชษฐ กลั่นชื่น (ไทย) กวิตา วัฒนะชยังกูร (ไทย) นักรบ มูลมานัส (ไทย)จอมเปท คุสวิดานันโต (อินโดนีเซีย) โม สัท (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า-เนเธอร์แลนด์) 

koh240419-006

ผ่าน 40 ผลงานศิลปะอันโดดเด่น ตั้งแต่ภาพวาด ประติมากรรม สื่อผสม และวิดีโอจัดวาง ซึ่งเจาะลึกประเด็นเรื่องการพลัดถิ่น ลัทธิล่าอาณานิคม และการผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นไปที่สัญลักษณ์ของการข้ามน้ำ และการเดินทางทางทะเลเป็นพิเศษ

ณ Palazzo Smith Mangilli Valmarana ในนครเวนิส ประเทศอิตาลี จนถึงวันที่ 24 พ.ย.67 ซึ่งเป็นการจัดคู่ขนานไปกับมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ 2024

koh240419-039

เทศกาลศิลปะเวนิส เบียนนาเล่ ทำให้เกิด Venice Effect

Venice Effect คือ ผลพวงจากการจัดงาน ‘เวนิส เบียนนาเล่’ เทศกาลศิลปะนานาชาติที่มีอายุยาวนาน และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขว้างที่ทรงคุณค่างานหนึ่งของโลก ทำให้ผู้คนสายอาร์ตทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเวนิส และส่งผลต่อเนื่องไปถึง ภาพลักษณ์ประเทศ มูลค่าทางเศรษฐกิจของอิตาลี

_koh9666

1.ดันภาพลักษณ์ของอิตาลี เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะ

เวนิส เบียนนาเล่  สามารถสร้างภาพลักษณ์ของประเทศอิตาลีในฐานะ ผู้นำในวงการศิลปะ สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้อิตาลี เป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

_koh1099

2.ดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คึกคัก

เวนิส เบียนนาเล่ ถือได้ว่าเป็น bucket list หนึ่งในงานในฝันของผู้ชื่นชอบงานศิลปะที่อยากมาสัมผัสให้เห็นกับตาสักครั้งหนึ่งในชีวิต และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 600,000 คนในแต่ละปี และสร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่างการท่องเที่ยว โรงแรมคึกคักรอบเมือง

_koh0647_1

3.เปิดพื้นที่การแสดงออกทางความคิดเห็นอย่างเสรีผ่านงานศิลปะ

เวนิส เบียนนาเล่ เป็นเทศกาลที่นำเสนอศิลปะร่วมสมัยจากหลากหลายประเทศทั่วโลก และแต่ละงานจะมีการเชื่อมโยงผ่านธีมในแต่ละปี โดยศิลปินสามารถสะท้อน บอกเล่าเรื่องราวปัญหาภายในประเทศ เศรษฐกิจ แนวความคิดทางสังคม หรือแม้แต่การเมืองผ่านผลงานทางศิลปะที่ถูกรังสรรค์

_koh9735

4.พื้นที่แข่งการแสดงผลงานของศิลปินรุ่นใหม่

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกๆปี งานเทศกาลศิลปะนานชาติ เวนิส เบียนนาเล่ จะมีศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามองเสมอ ซึ่งหากศิลปินคนไหนได้มีโอกาสไปจัดแสดงงานศิลปะของตน ก็จะเป็นเหมือนใบเบิกทางสายอาชีพศิลปินที่แข็งแกร่ง ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะได้เฉิดฉายเเละรุ่งโรจน์ในสายอาชีพของตนในอนาคต

_koh9685

อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยได้เรียนรู้ ถอดความสำเร็จของประเทศอิตาลี ผ่านการสร้างชาติด้วยพลังของ soft power ดึงจุดเด่นของประเทศของเรามาเป็นจุดแข็ง และนำเสนอความสวยงาม ประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าของเรา มารักษาและต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปจนถึงให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมศิลปะมากกว่านี้ ก็จะทำให้เราสามารถดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลจากการท่องเที่ยว และเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และสวยงามบนเวทีโลกได้

อ้างอิง : Journal Venice Effect 

Australia Concil for the Arts 

Intesa Sanpaolo

ArtVise 

Baanlaesuan 

Baanlaesuan Room 

Biennale Arte 2024

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT