เงินเยนอ่อนค่าลงเฉียดระดับ 160 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เข้าใกล้ระดับที่เคยอ่อนสุดในรอบ 34 ปี ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นออกมาประกาศพร้อมใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อพยุงเงินเยน 24 ชั่งโมงหากจำเป็น ชี้หากค่าเงินเยนผันผวนเกินไปจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ
ในวันนี้ (24 มิถุนายน 2567) ค่าเงินเยนอ่อนลงถึงระดับ 159.73 เยน/ ดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะตัวเลข Purchasing Managers Index (PMI) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงการขยายตัวหรือหดตัวของภาคการผลิตและบริการ ออกมาสูงกว่าที่คาด ขณะที่ธนาคารกลางยังไม่ส่งสัญญาณการลดซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างชัดเจนในการรายงานผลการประชุมในครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ จากแรงกดดันดังกล่าว เงินเยนอ่อนค่าลงไปใกล้ระดับจิตวิทยาที่ 160 เยน/ ดอลลาร์ และ ระดับ 160.17 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี โดยตั้งแต่ต้นปี เงินเยนอ่อนค่าลงแล้วประมาณ 11% จาก 140.9 เยน/ ดอลลาร์ ในวันที่ 1 มกราคม มาอยู่ที่ประมาณ 159.7 ในวันนี้ จากแรงกดดันของดอลลาร์ ที่แข็งค่าขึ้นจากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังขยายตัวต่อเนื่อง และธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่ลดดอกเบี้ยอย่างที่คาด
ดังนั้น เพื่อเรียกความมั่นใจ นาย มาซาโตะ คันดะ (Masato Kansa) รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเผยแก่สื่อในวันนี้ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นพร้อมที่ใช้มาตรการการเงินเข้าไปแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงิน และรักษาเสถียรภาพไม่ให้ค่าเงินเยนผันผวนมากเกินไปในกรณีที่ค่าเงินผันผวนจากการเก็งราคา
พร้อมกันนี้ นาย คันดะ ยังได้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงทั่วโลกมีการพูดคุยกันอยู่เสมอเพื่อดูแลเสถียรภาพการเงินของโลก และเจ้าหน้าที่ทางฝั่งของสหรัฐฯ ไม่มีปัญหาอะไรกับการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นเข้ามาแทรกแซงเพื่อพยุงเงินเยน และการที่สหรัฐฯ เพิ่มค่าเงินเยนเข้าไปในรายชื่อค่าเงินที่ต้องจับตามองนั้นไม่ส่งผลอะไรกับมาตรการของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการคุมเสถียรภาพค่าเงิน
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ออกมาเผยว่า BOJ ได้ใช้เงินจำนวนถึง 9.8 ล้านล้านเยน หรือราว 2.25 ล้านล้านบาทในการแทรกแซงค่าเงินเยนไม่ให้อ่อนค่าลงมากเกินไปในช่วงวันที่ 26 เมษายน ถึง 29 พฤษภาคม
โดยแม้ทาง BOJ จะไม่ได้ออกมาเผยวันที่ที่แน่นอน นักวิเคราะห์คาดว่า BOJ ได้แทรกแซงค่าเงินเยนสองครั้ง คือในวันที่ 29 เมษายน และอีกครั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยการขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อหาเงินทุนมาใช้ในมาตรการดังกล่าว
Tony Sycamore นักวิเคราะห์จาก IG Australia มองว่า BOJ จะเข้ามาแทรกแซงเงินเยนอีกครั้งหากเงินเยนอ่อนค่าลงมากกว่าระดับ 160.17 เยน/ ดอลลาร์ หรือแม้แต่ 163 เยน/ ดอลลาร์ และอาจทำได้ด้วยการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาล
แบงก์ชาติญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยเดือน ก.ค. เพื่อคุมเงินเฟ้อ
นอกจาก การควบคุมค่าเงินแล้ว จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นวันนี้ BOJ ยังมีการพูดคุยเพื่อเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 30-31 กรกฎาคมที่กำลังจะถึง จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 0-0.1% เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อซึ่งในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 2.5% สูงกว่าเป้าของแบงก์ชาติที่อยู่ที่ 2% มาสองปีติดต่อกันแล้ว
ภาวะเงินเฟ้อสร้างความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อมาประกอบกับค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างมากในช่วงนี้ และสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องเพิ่มดอกเบี้ยเร็วขึ้น หรือมากขึ้นจากระดับที่วางไว้
โดยในระหว่างก่อนการประชุมครั้งหน้า ธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศอย่างใกล้ชิด รวมถึงตัวเลขการบริโภค เพราะสมาชิกของคณะกรรมการ BOJ บางคนยังมองว่าการเพิ่มค่าแรงในช่วงที่ผ่านมาอาจช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ และการเพิ่มดอกเบี้ยจะลดประสิทธิภาพของมาตรการนี้
นอกจากการบริโภค ตัวเลขที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางในการขึ้นดอกเบี้ยอีกคือผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ซึ่งจะออกมาในวันที่ 1 กรกฎาคม และผลการประชุมผู้จัดการสาขาภูมิภาคในวันที่ 8 กรกฎาคม