การเงิน

First Citizens เข้าซื้อ SVB จับตาการแก้ปัญหาธนาคารอาจยังไม่จบ

28 มี.ค. 66
First Citizens เข้าซื้อ SVB จับตาการแก้ปัญหาธนาคารอาจยังไม่จบ
ไฮไลท์ Highlight

ปัญหาภาคธนาคารอาจจะยังไม่จบ เพราะหลังจากที่ประชาชนยังคงขาดความเชื่อมั่นอยู่ แต่ธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด กลับตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 % เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเฟดยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบียต่อเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งแน่นอนว่าดอกเบี้ยที่สูงยังคงเป็นความเสี่ยงให้กับธนาคารในสหรัฐฯได้ต่อไป และหากเป็นเช่นนั้นปัญหาที่คิดว่าดีขึ้น มันจะกลายเป็นแย่ลงไปกว่าเดิม 

หลังจากธนาคารซิลิคอนแวลลีย์  (SVB)  แบงก์ใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ ถูกทางการสั่งปิด 10 มีนาคมที่ผ่านมา จากปัญหาสภาพคล่อง ล่าสุด ธนาคารเฟิร์ส ซิติเซน ได้ตกลงเข้าซื้อกิจการของ SVBเรียบร้อยแล้ว มูลค่าประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 2.47 ล้านล้านบาท ในราคาส่วนลด 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท) ทำให้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมามีสาขาธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ 17 แห่งที่จะเป็นสาขาของธนาคารเฟิร์ส ซิติเซน

การเข้าซื้อดังกล่าวไม่ได้เป็นการซื้อสินทรัพย์ทุกประเภทของ SVB ซื้อเฉพาะส่วนที่เป็นเงินฝาก และ สินเชื่อทั้งหมดของ  SVB ส่วนหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่นๆ ที่เหลืออีกกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในการดูแลของ FDIC  (Federal Deposit Insurance Corporation)  หรือ บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯต่อไป ซึ่งมีการประเมินว่า FDIC ต้องแบกรับความเสียหายจากการที่ SVB มีปัญหามูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์

แต่อย่างไรก็ตามทำให้ FDIC ได้สิทธิในมูลค่าเพิ่มของหุ้น First Citizens BancShares ที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ First Citizens  มีบริษัทแม่คือ First Citizens BancShares เป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับที่ 30 ของสหรัฐ  แม้จะถูกตั้งข้อกังขาว่า ศักยภาพของ First Citizens จะไหวมั้ยในการต้องเข้าอุ้มธนาคารที่มีปัญหา แต่ในอดีดที่ผ่านมา First Citizens ก็เคยได้ช่วยเหลือแบงก์อื่นที่ประสบปัญหาการเงินมาแล้วหลายครั้วตั้งแต่ช่วงปี 2008  ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว First Citizens ยังบรรลุการซื้อกิจการของ CITI Group Inc.ด้วยมูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์อีกด้วยตามรายงานของ Bloomberg

First Citizens ซื้อกิจการ SVB

สำหรับปัญหาภาคธนาคารในสหรัฐฯ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเข้าแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วด้วยการเข้าอุ้มแบงก์ที่มีทันที ประชาชนสามารถถอนเงินได้ตามปกิ Jim Cramer จาก CNBC ชี้ประเด็นว่า ปัญหาภาคธนาคารอาจจะยังไม่จบ เพราะหลังจากที่ประชาชนยังคงขาดความเชื่อมั่นอยู่ แต่ธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด กลับตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 % เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเฟดยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบียต่อเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งแน่นอนว่าดอกเบี้ยที่สูงยังคงเป็นความเสี่ยงให้กับธนาคารในสหรัฐฯได้ต่อไป และหากเป็นเช่นนั้นปัญหาที่คิดว่าดีขึ้น มันจะกลายเป็นแย่ลงไปกว่าเดิม 

SVB เป็นอดีตธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ และอันดับ 1 ของซิลิคอนวัลเลย์ โดยถูกก่อตั้งขึ้นมาในปี 1983 หรือเกือบ 40 ปีก่อน ในปลายปี 2022 SVB มีสินทรัพย์ในการดูแลทั้งหมด 2.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7.2 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าเงินฝากทั้งหมด 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6 ล้านล้านบาท แต่ในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารทั้งเล็ก และ ใหญ่ในสหรัฐและยุโรป กลับประสบกับปัญหาภาคธนาคารที่แตกต่างกันไป ทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะยังคงต้องจับตาปัญหาภาคธนาคารต่อไปว่า จะมีแบงก์ไหน มีปัญหาและส่งผลลุกลามต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจอีกหรือไม่ 

ที่มา CNBC , Blooberg , First Citizens 

advertisement

SPOTLIGHT