
คนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ถึงเวลาต้องเตรียมตัวรับมือกับภาษีที่อาจต้องจ่ายให้สรรพากรไทย ซึ่งก่อนหน้านี้รายได้จากต่างประเทศนับตั้งแต่ปี 67 ก็เข้าข่ายต้องเสียภาษีให้สรรพากรไทยมากกว่าปีก่อนๆ อยู่แล้ว แต่นับตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป อาจต้องเข้าข่ายเสียภาษีมากขึ้นไปอีก จากท่าทีล่าสุดของสรรพากรเมื่อต้น ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ที่มีข่าวว่าสรรพากรอยู่ระหว่างเตรียมแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ด้วยเกณฑ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (เริ่มใช้ปี 67) ปีใดก็ตามที่เรามีการใช้ชีวิตหรือพำนักอยู่ในประเทศไทย 180 วันขึ้นไป หากปีนั้นเรามีรายได้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ เช่น มีกำไรจากการทำธุรกิจร้านอาหาร/ค้าขายที่ต่างประเทศ มีรายได้จากค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ มีกำไรหรือเงินปันผลจากการลงทุนหุ้นต่างประเทศ หรือมีไปรับจ้างทำงาน Freelance ที่ต่างประเทศในบางช่วงเวลา ฯลฯ เมื่อมีการนำรายได้นั้นกลับเข้าประเทศไทย ต้องนำรายได้ที่ว่าไปยื่นรวมกับรายได้อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในปีเดียวกับที่โอนเงินนั้นกลับเข้าไทย เพื่อเสียภาษีให้กับสรรพากรไทยด้วย
เช่น รายได้ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศในช่วงปี 67 หากมีการนำเข้าประเทศไทยปี 68 ก็ต้องนำไปรวมกับรายได้อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี 68 เพื่อยื่นภาษีภายใน มี.ค. 69 เป็นต้น แต่หากยังไม่นำกลับเข้ามาในไทย ก็ยังไม่ต้องนำรายได้นั้นไปยื่นภาษีต่อสรรพากรไทย
ซึ่งในทางปฏิบัติ การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยและมีการนำรายได้โอนกลับเข้ามาในไทยหลังจากรายได้นั้นเกิดขึ้นมาหลายปี อาจมีอุปสรรคในเรื่องหลักฐานแสดงที่มาของรายได้ เช่น เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นปีไหน หากเป็นรายได้จากการลงทุนเงินส่วนไหนเป็นต้นทุนซึ่งไม่ถือเป็นรายได้ เงินส่วนไหนเป็นกำไรที่ถือเป็นรายได้ อีกทั้งรูปแบบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายได้ดังกล่าวในแต่ละประเทศก็มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ยากต่อการนำไปใช้อ้างอิงเพื่อแถลงรายได้ต่อสรรพากร
จากข่าวที่เผยแพร่ในช่วงต้นเดือน ก.ย. 67 ที่ผ่านมานั้นระบุว่าสรรพากรไทยอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายซึ่งจะส่งผลให้ ผู้ที่มีรายได้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ หากปีนั้นพำนักอยู่ในประเทศไทย 180 วันขึ้นไปแล้ว ต้องนำรายได้นั้นไปยื่นรวมกับรายได้อื่นๆ ที่เกิดขึ้นที่ไทยในปีเดียวกัน เพื่อเสียภาษีให้กับสรรพากรไทยด้วย ไม่ว่าจะมีการโอนรายได้หรือเงินนั้นกลับเข้ามาในไทยหรือไม่ก็ตาม
เช่น รายได้ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศในช่วงปี 68 ต้องนำไปรวมกับรายได้อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี 68 เพื่อยื่นภาษีภายใน มี.ค. 69 เป็นต้น แม้ว่าจะมีการโอนเงินกลับเข้ามาหลังปี 68 หรือไม่โอนกลับมาไทยเลยก็ตาม
ซึ่งหากเกณฑ์ภาษีปี 68 เป็นไปตามข่าวที่เผยแพร่จริง ผู้เขียนขอสรุปลักษณะของรายได้ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศในแต่ละช่วงปี ที่ต้องเสียภาษีให้สรรพากรไทย ตามตารางดังนี้
3.อยากมีรายได้จากต่างประเทศ แต่อยากบรรเทาภาษีที่ไทย ทำอย่างไร1)ในแต่ละปีอยู่ในไทยไม่ถึง 180 วัน หรือไม่อยู่เลย เช่น คนที่ไปเรียนหรือทำงานที่ต่างประเทศ แม้มีรายได้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ แต่หากปีนั้นไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาในไทย หรือกลับมาแต่อยู่ในไทยไม่ถึง 180 วัน รายได้ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ก็ไม่ต้องเสียภาษีให้สรรพากรไทย อย่างไรก็ตามทางเลือกนี้ไม่สามารถใช้ได้กับคนทั่วไป ที่เป็นคนไทยหรือมีที่พักอาศัยหลักอยู่ในประเทศไทย
2) เลือกลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศ ในทางเลือกที่ยกเว้นภาษีหรือถูกหักภาษีแบบ Final Tax เช่น
.jpg)
ภาษีเงินได้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากรายได้ของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการทำงานอย่างมมุษย์เงินเดือน ที่เสียภาษีตามอัตราก้าวหน้าสูงสุดถึง 35% รายได้จากการลงทุนอย่างเงินปันผลและดอกเบี้ย ที่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และ 15% ตามลำดับ รวมไปถึงรายได้จากการปล่อยเช่าด้วย จึงไม่แปลกที่รายได้จากต่างประเทศสรรพากรจะเริ่มหันมาจัดเก็บอย่างจริงจัง เราในฐานะผู้มีเงินได้ จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องภาษีไม่แพ้กัน เพื่อให้รู้เท่าทันเกณฑ์ใหม่และเตรียมความพร้อมการวางแผนเพื่อลดภาระภาษีลงให้มากที่สุด
*ข้อมูล ณ 12 ก.ย. 67 จาก website www.set.or.th

นักวางแผนการเงิน CFP