Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ฮั่วเซ่งเฮงชี้ทองปี 69 ลุ้นแตะ $4,700 /ออนซ์ แนะถือไว้เสริมแกร่งพอร์ต
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ฮั่วเซ่งเฮงชี้ทองปี 69 ลุ้นแตะ $4,700 /ออนซ์ แนะถือไว้เสริมแกร่งพอร์ต

4 ธ.ค. 68
15:01 น.
แชร์

ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน SCB WEALTH เดินหน้าจัดงานสัมมนา “Golden Portfolio Defense in a Volatile Era: ทองคำ สมอเรือแห่งพอร์ตการลงทุนยุคผันผวน” ภายในงาน SCB WEALTH: Holistic Wealth Forum 2025 ภายใต้ธีม Storm Shift เพื่อสะท้อนภาพรวมการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของระบบการเงินโลก และบทบาทของการจัดพอร์ตลงทุนในยุคที่ความเสี่ยงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปัจจัยเศรษฐกิจ แต่ยังรวมไปถึงภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้า และทิศทางนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจ

เวทีดังกล่าวรวบรวมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญตลาดการเงินและทองคำชั้นนำของประเทศ โดยฮั่วเซ่งเฮงและ SCB Financial Markets (SCBFM) ให้ภาพชัดขึ้นว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนใช้เป็น “ที่หลบภัย” เมื่อความไม่แน่นอนพุ่งสูงขึ้น พร้อมเจาะลึกแนวโน้มค่าเงินบาท ความเชื่อมโยงของราคาทองคำกับอัตราแลกเปลี่ยน และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนไทยในบริบทที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ

ทองคำทำนิวไฮต่อเนื่อง ปี 2569 ลุ้นแตะ 4,700 ดอลลาร์

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองคำต่างประเทศในปี 2568 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 4,381 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 67% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงสุดในรอบ 46 ปี ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยขยับขึ้นทำสถิติสูงสุดเช่นกันที่ระดับ 67,400 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้นถึง 59% สะท้อนการไหลเข้าของเงินลงทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างชัดเจน

สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินว่าราคาทองคำตลาดโลกจะเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 4,200 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ในปี 2569 แม้ราคาทองคำจะอยู่ในระดับสูงแล้ว แต่ยังมีปัจจัยหนุนหลายด้านที่อาจผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อได้ เพียงแต่ผลตอบแทนอาจไม่พุ่งแรงเท่าปี 2568 โดยคาดว่าปลายปี 2569 ราคาทองคำโลกมีโอกาสแตะระดับ 4,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

จากการรวบรวมมุมมองของ 11 สถาบันการเงินชั้นนำของโลก พบว่าราคาทองคำในปี 2569 มีโอกาสขยับขึ้นสู่ระดับ 4,500-5,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หากปัจจัยเสี่ยงสำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีการค้าระหว่างประเทศ การเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางหลายประเทศเพื่อใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจถูกแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น และกระแสลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลก หรือ De-dollarization

อย่างไรก็ดี ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า แม้ทองคำจะเป็นสินทรัพย์สำคัญในการกระจายความเสี่ยง แต่ไม่ควรถือครองในสัดส่วนที่สูงเกินไปจนเสียโอกาสลงทุนในสินทรัพย์อื่น พร้อมเตือนนักลงทุนว่า ราคาทองคำที่ให้ผลตอบแทนกว่า 60% ต่อปีในปีนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทองคำจึงเหมาะสำหรับการเสริมเสถียรภาพของพอร์ตในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น โดยมองว่าช่วงราคาที่ปรับลงมาในกรอบ 3,700-3,800 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการทยอยสะสมมากกว่าการไล่ซื้อในช่วงราคาสูง

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมนักลงทุนไทยที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยการซื้อทองคำแท่งเพื่อการออมเพิ่มขึ้น ขณะที่การซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับลดลง อีกทั้งอายุเฉลี่ยของนักลงทุนในทองคำลดลงมาอยู่ในช่วง 20-30 ปี จากเดิมที่มักเริ่มลงทุนในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการลงทุนในทองคำที่เข้าถึงได้ง่าย ทั้งกองทุน ETF ทองคำ และระบบซื้อขายออนไลน์แบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำผันผวนมากขึ้นตามพฤติกรรมการซื้อขายที่รวดเร็ว

ค่าเงินบาทผันผวน กรอบปีหน้าที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์

นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) กล่าวว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงขาลง ทองคำมักจะให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเป็นเครื่องมือถ่วงดุลความผันผวนของตลาดการเงิน ขณะเดียวกัน ราคาทองคำและค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์เชิงบวกค่อนข้างสูง นั่นหมายความว่าเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น ค่าเงินบาทมักมีแนวโน้มแข็งค่าตาม ทำให้ผลตอบแทนของผู้ลงทุนทองคำในสกุลเงินบาทแตกต่างจากผู้ลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าเงินบาทอาจแข็งค่าได้เล็กน้อยจากปัจจัยฤดูกาลช่วงปลายปี แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนธันวาคม และทิศทางค่าเงินในภูมิภาคเอเชียที่อาจแข็งค่าระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในปี 2569 ภาพอาจเปลี่ยนกลับ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่เงินบาทจะอ่อนค่าลง จากทิศทางดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าตามกระแสการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเงินทุนที่อาจไหลกลับเข้าสหรัฐฯ ควบคู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่อิทธิพลของราคาทองคำต่อค่าเงินบาทอาจลดลงเมื่อราคาทองคำปรับขึ้นในอัตราที่ช้าลง โดยประเมินกรอบค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2569 อยู่ในช่วง 33.00-34.00 บาท

SCBFM ยังสะท้อนว่าพฤติกรรมนักลงทุนไทยยังคงให้น้ำหนักกับการลงทุนในประเทศเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า Home Bias โดยลงทุนในต่างประเทศเพียงราว 10% ของเงินลงทุนรวม ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนักลงทุนทั่วโลกซึ่งอยู่มากกว่า 20% ธนาคารจึงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณากระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ลงทุนในทองคำควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน การเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ (FCD) ถูกมองเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยบริหารค่าเงินได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2568 ระบุว่า จำนวนบัญชี FCD ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 120,000 บัญชีในปี 2562 เป็นกว่า 7.2 ล้านบัญชี ตอกย้ำการปรับตัวของนักลงทุนไทยสู่เวทีการเงินโลกอย่างชัดเจน


แชร์
ฮั่วเซ่งเฮงชี้ทองปี 69 ลุ้นแตะ $4,700 /ออนซ์ แนะถือไว้เสริมแกร่งพอร์ต