
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ ภายใต้แรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และกระแสคาดการณ์ที่เริ่มเอียงไปในทางว่าเฟดอาจยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า การร่วงลงรอบนี้เกิดขึ้นหลังจากตลาดทั่วโลกเพิ่งเผชิญแรงขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน สืบเนื่องจากถ้อยแถลงเชิง “Hawkish” ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่สะท้อนว่าการผ่อนคลายนโยบายอาจมาช้ากว่าที่นักลงทุนเคยประเมินไว้ แม้ว่าคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟด จะส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ยก็ตาม
ความคาดหวังที่ผันผวนเรื่องเส้นทางดอกเบี้ยสะท้อนผ่านตลาดสวอป ซึ่งขณะนี้ประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมต่ำกว่า 50% จากที่ก่อนหน้านี้ตลาดแทบจะมั่นใจว่าจะมีการลดอย่างน้อยหนึ่งครั้ง การเปลี่ยนมุมมองดังกล่าวยิ่งกดดันแนวโน้มทองคำ เพราะทองเป็นสินทรัพย์ไร้ดอกผลที่มักได้ประโยชน์เมื่อดอกเบี้ยลดลงและดอลลาร์อ่อนค่า
สำหรับในไทย ราคาทองเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก โดย ณ เวลา 12:23 น. ราคาทองภายในประเทศมีการปรับเปลี่ยนแล้ว 13 ครั้ง โดยทองคำแท่งรับซื้อที่บาทละ 61,750 บาท ขายออก 61,850 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อที่บาทละ 60,518.72 บาท และขายออก 62,650 บาท ขณะที่ราคาทองคำสปอตทรงตัวบริเวณ 4,020 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ด้านตลาดโลหะมีค่าชนิดอื่นเคลื่อนไหวสลับทิศทาง แพลทินัมปรับขึ้นเล็กน้อย 0.3% สู่ 1,538.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่พัลลาเดียมอ่อนลง 0.5% อยู่ที่ 1,386.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนบรรยากาศการลงทุนที่ยังขาดทิศทางและรอแรงขับเคลื่อนใหม่ โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐที่จะประกาศในช่วงถัดไป
แรงกดดันราคาทองรอบนี้ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ต้นทุนทองคำสูงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงของเฟดที่ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อ “ยังไม่ทรงตัวเพียงพอ” สำหรับการผ่อนคลายนโยบาย ยิ่งทำให้ตลาดเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยอาจต้องเลื่อนไปอีก ส่งผลให้ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย
ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าตลาดทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงผันผวนมากขึ้น จัสติน คู นักวิเคราะห์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ VT Markets อธิบายว่า ปัจจุบันทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดความเคลื่อนไหวระยะสั้นของราคาทอง แม้ราคาทองจะอ่อนลงต่อเนื่อง แต่คูมองว่านี่เป็นการปรับฐานทางเทคนิคมากกว่า และไม่ได้บ่งชี้ว่าราคาทองหมดรอบขาขึ้นในระยะยาวแล้ว
ด้านดร.เรณิษา ไชนานี หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Augmont ให้ความเห็นว่าทองคำกำลังทดสอบระดับที่จะกำหนดทิศทางราคาทองในระยะถัดไป โดยหากราคาทองสปอตยืนเหนือ 4,150 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ได้ แนวโน้มขาขึ้นยังมีโอกาสเดินหน้าต่อไปสูง แต่ถ้าราคาหลุดต่ำกว่า 4,050 ดอลลาร์ อาจเห็นแรงขายกดลงไปทดสอบระดับต่ำสุดก่อนหน้าแถว 3,900 ดอลลาร์อีกครั้ง การพยายามทะลุแนว 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในสัปดาห์นี้ที่ไม่สำเร็จ ยังเพิ่มน้ำหนักต่อแรงกดดันเชิงลบในระยะสั้นอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ คูจาก VT Markets กล่าวเพิ่มเติมว่า ทองคำยังคงได้แรงหนุนจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์ ตั้งแต่ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไปจนถึงความตึงเครียดทางยุทธศาสตร์ระหว่างชาติมหาอำนาจหลายฝ่าย จึงทำให้ทิศทางต่อไปของทองคำต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐชุดใหม่อย่างใกล้ชิด นักลงทุนควรระวังในการเข้าซื้อ แต่ยังสามารถมองหาโอกาส โดยเฉพาะการทยอยเข้าซื้อในช่วงราคาย่อระดับปานกลาง แทนการไล่ราคาขาขึ้นในช่วงที่ทำระดับสูงใหม่
ด้านบล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินราคาทองคำผันผวน จากแรงกดดันที่นักลงทุนลดความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่จะประชุมในเดือนธันวาคมนี้ และแรงขายทำกำไรหลังสหรัฐฯ ยุติชัตดาวน์ แต่ยังคงจับตามปัญหาหนี้สาธารณะและความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังหนุนให้มีการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยให้กรอบการเคลื่อนไหว 4,000-4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลด ความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายแสดงความลังเลต่อการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังทำเนียบขาวระบุว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ส่งผลให้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานประจำเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด
“เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความลังเลที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานค่อนข้างมีเสถียรภาพหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เฟดทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.”
ประกอบกับการยุติสถานการณ์ชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น และอาจเผชิญภาวะชัตดาวน์ครั้งใหม่ในเวลาอีกสองเดือนข้างหน้า เนื่องจาก การต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ที่ยังคงรุนแรง ทำให้นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของการชัตดาวน์ในอนาคต ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกถือครอง ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 4,000-4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมแนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสนี้ในการ เก็งกำไรภายในกรอบดังกล่าว เพื่อสร้างผลตอบแทนจากความผันผวนที่เกิดขึ้น
ด้านบทวิเคราะห์จาก YLG Bullion and Futures ระบุว่า เมื่อวานนี้ราคาทองคำพยายามดีดตัวขึ้นแต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 4,145 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ราคาเริ่มส่งสัญญาณ Bullish Divergence ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง จึงประเมินว่าหากราคายืนเหนือ 4,006 ดอลลาร์ได้ มีโอกาสเกิดการดีดตัว แต่ยังต้องระวังว่าจะเป็นเพียงแรงรีบาวด์เพื่อพักตัวเท่านั้น
แนวต้านแรกอยู่ที่ 4,091 ดอลลาร์ หากราคาดีดตัวทะลุระดับนี้ได้ จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 4,154-4,126 ดอลลาร์
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เปิดสถานะขายหากราคาทดสอบแต่ไม่ผ่านโซน 4,154-4,126 ดอลลาร์ (ตัดขาดทุนหากทะลุ 4,154 ดอลลาร์) ขณะที่การซื้อคืนสถานะขายให้พิจารณาหากราคาไม่หลุด 4,027-4,006 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุด 4,006 ดอลลาร์ ให้ชะลอการซื้อคืนไปที่แนวรับถัดไปแทน