Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทองพุ่งสูงสุดใน 3 สัปดาห์ เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย กูรูมองปีหน้าทะลุ $5,000
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทองพุ่งสูงสุดใน 3 สัปดาห์ เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย กูรูมองปีหน้าทะลุ $5,000

11 พ.ย. 68
12:29 น.
แชร์

ราคาทองคำปรับขึ้นเหนือระดับ 4,130 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ในวันอังคาร แตะจุดสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้

ณ เวลา 12:07 น. ราคาทองคำในประเทศปรับตัวแล้ว 8 ครั้ง โดยทองคำแท่งรับซื้อที่บาทละ 63,450 บาท และขายออกที่บาทละ 63,550 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้อที่บาทละ 62,186.32 บาท และขายออกที่บาทละ 64,350 บาท ส่วนราคาทองคำสปอตในตลาดโลกอยู่ที่ 4,139 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

แรงหนุนต่อราคาทองคำมาจากการคาดการณ์ของตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นว่า เฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนหน้า หลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนและรายงานผู้บริโภคเมื่อสัปดาห์ก่อนสะท้อนภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเฉพาะในภาครัฐและค้าปลีก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปีครึ่ง

นักลงทุนในตลาดประเมินว่ามีโอกาสราว 64% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม ขณะที่สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟด เสนอให้พิจารณาปรับลดมากกว่านั้นถึง 0.5% เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงและอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch ชี้ว่า ตลาดให้น้ำหนักความเป็นไปได้ราว 67% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธันวาคม และเพิ่มขึ้นเป็นราว 80% ภายในเดือนมกราคม การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนโอกาสของการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกผล ทำให้ทองคำได้รับแรงซื้อเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าในการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก อาจจำกัดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เดินหน้าพิจารณามาตรการเพื่อเปิดทำการรัฐบาลกลางอีกครั้ง หลังปิดทำการยาวนานถึง 40 วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โครงการอาหาร และการเดินทางทางอากาศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า สนับสนุนข้อตกลงร่วมระหว่างสองพรรคเพื่อยุติการชัตดาวน์ โดยยืนยันว่า “เรามีเสียงสนับสนุนเพียงพอจากพรรคเดโมแครต และเรากำลังจะเปิดประเทศอีกครั้ง” ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรต้องกลับมาที่กรุงวอชิงตันเพื่อดำเนินกระบวนการตามขั้นตอน ทำให้มีแนวโน้มว่ารัฐบาลกลางจะกลับมาเปิดทำการได้ภายในสิ้นสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกัน ธนาคารเจพีมอร์แกน ไพรเวทแบงก์ คาดว่าราคาทองคำอาจพุ่งทะลุ 5,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ตอกย้ำสถานะของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงสำคัญในปีถัดไป

YLG ชี้ทองยังขาขึ้น ยืนเหนือ $4,100 ได้ลุ้นไปต่อ

YLG Bullion and Futures ประเมินว่า การทะยานของราคาทองคำวานนี้ที่ทะลุระดับ 4,029 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เป็นสัญญาณเชิงบวกที่ตอกย้ำแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยราคายังสามารถยืนเหนือระดับ 3,984 ดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่ยังไม่หมดไปและโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ยังแข็งแรง

สำหรับแนวโน้มในวันนี้ YLG มองว่าหากราคาสามารถยืนเหนือแนว 4,107 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง จะมีโอกาสไต่ขึ้นต่อเนื่อง แต่หากไม่สามารถผ่านระดับดังกล่าวได้ อาจเห็นแรงขายทำกำไรเข้ามากดดันให้ราคาพักฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากราคายังสามารถประคองตัวเหนือแนวรับ 4,015 ดอลลาร์ไว้ได้ จะยังถือเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลังขึ้นต่อ โดยแนวรับระยะใกล้อยู่ในกรอบ 4,074-4,050 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ด้านกลยุทธ์การลงทุน YLG แนะนำให้นักลงทุนที่ถือทองคำพิจารณาทยอยขายทำกำไรหากราคาขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 4,162-4,155 ดอลลาร์ แต่หากราคาทะลุผ่านได้ ให้ชะลอการขายและขยับจุดป้องกันกำไร (Trailing Stop) มาที่ 4,107 ดอลลาร์ เพื่อรักษากำไรที่เกิดขึ้น ขณะที่ผู้ที่มองหาจังหวะเข้าซื้อควรรอให้ราคาย่อตัวแต่ยังยืนเหนือ 4,074-4,050 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง หากราคาหลุดระดับ 4,050 ดอลลาร์ควรชะลอการเข้าซื้อ และหากร่วงต่ำกว่า 4,015 ดอลลาร์ให้พิจารณาตัดขาดทุน

ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความกังวลว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลอาจยืดเยื้อต่อไป แม้ว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ จะมีมติเห็นชอบร่างมาตรการเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าสภาล่างอาจผ่านร่างกฎหมายได้เร็วที่สุดในวันพุธ ก่อนจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามให้เป็นกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม หากการลงนามล่าช้าออกไปจนเกินสัปดาห์นี้ อาจเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองและสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน ซึ่งจะยิ่งหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ปัจจัยจากฝั่งอุปสงค์จริงยังมีทั้งแรงหนุนและแรงกดดัน โดยในตลาดอินเดีย ความต้องการทองคำแท่งยังคงซบเซาในสัปดาห์นี้ เนื่องจากราคาที่ผันผวนทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ ส่งผลให้ผู้ค้าต้องเสนอส่วนลดมากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า

ส่วนในจีน ความต้องการทองคำแท่งลดลงเช่นกัน จากการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบด้านภาษีที่เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งทำให้การซื้อทองคำเพื่อการลงทุนมีต้นทุนสูงขึ้น ปัจจัยทั้งสองนี้จึงกลายเป็นตัวจำกัดการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะสั้น แม้แรงเก็งกำไรจากฝั่งตลาดโลกจะยังคงอยู่ในทิศทางบวกก็ตา

ทองคำยืนเหนือ 4,100 ดอลลาร์ จับตากลยุทธ์ซื้อเมื่อย่อตัว ลุ้นเป้าขึ้น 4,240 ดอลลาร์

ด้านแม่ทองสุก (MTS) รายงานว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่า 2% แตะระดับ 4,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากระดับเปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 4,005 ดอลลาร์ การปรับตัวครั้งนี้ได้แรงหนุนจากความคาดหวังในตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ โดยนักวิเคราะห์มองว่า หากการหยุดชะงักของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสองพรรคการเมืองสิ้นสุดลง จะช่วยให้เฟดกลับมาเข้าถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต่อการประเมินภาวะเศรษฐกิจและตัดสินใจเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและการว่างงานที่เริ่มกลับมาเป็นจุดสนใจ ล้วนเพิ่มแรงกดดันให้เฟดต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัว ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนแรง โดยดัชนี DXY ทรงตัวบริเวณ 99.62 จุด หลังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 100.2 จุดได้ ซึ่งยิ่งส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น

สำหรับกองทุนทองคำขนาดใหญ่ SPDR Gold Shares ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองในวันก่อนหน้า ยังคงอยู่ที่ระดับ 1,042.06 ตัน โดยตลอดปีนี้มีกำไรสะสมสุทธิ 168.68 ตัน ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว กองทุนได้เพิ่มการถือครองสุทธิ 1.71 ตัน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในแนวโน้มขาขึ้นของตลาดทองคำ

ในเชิงเทคนิค ราคาทองคำส่งสัญญาณเชิงบวกอย่างชัดเจน หลังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยหลักได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดช่วงการปรับฐานและเปิดโอกาสให้แนวโน้มกลับเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง หากราคาสามารถรักษาฐานเหนือระดับนี้ได้ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อไปยังระดับเป้าหมาย 4,240 ดอลลาร์ ก่อนทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 4,380 ดอลลาร์ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระยะสั้นไว้ที่แนวรับ 4,070 ดอลลาร์ และแนวต้าน 4,200 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำในประเทศคาดว่ามีแนวรับที่ 62,800 บาท และแนวต้านที่ 63,800 บาท


แชร์
ทองพุ่งสูงสุดใน 3 สัปดาห์ เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย กูรูมองปีหน้าทะลุ $5,000