Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
คนไทยชอบซื้อความสุขวันนี้ ไม่กังวลอนาคต สำรวจพบหลายปัจจัยท้าทายการออม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

คนไทยชอบซื้อความสุขวันนี้ ไม่กังวลอนาคต สำรวจพบหลายปัจจัยท้าทายการออม

6 พ.ย. 68
19:29 น.
แชร์

รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน หรือ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) ประจำปี 2568 ซึ่งธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จัดทำร่วมกับ บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (Boston Consulting Group) ที่เผยแพร่ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 แสดงให้เห็นพฤติกรรมการจับจ่ายและทัศนคติทางการเงินของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งมีหลายส่วนที่ท้าทายและน่ากังวล 

มีผู้บริโภคเพียงส่วนน้อยที่เชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจและมีความหวังว่าฐานะการเงินของตนเองจะดีขึ้นในอนาคต ขณะที่ความกังวลเรื่องค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในครัวเรือนนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ตอบแบบสำรวจในอาเซียน 

ด้านการออมเงินพบว่า แม้คนไทยจะตระหนักรู้ว่าการออมเงินอย่างน้อยร้อยละ 10 ของรายได้นั้นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้จริง สำหรับหลายคนอาจจะเพราะรายได้น้อยจนไม่พอใช้ แต่สำหรับหลายคนที่รายได้ไม่น้อยก็อาจจะเป็นเพราะทัศนคติทางการเงินและการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยท้าทาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง (รายได้มากกว่าเดือนละ 200,000 บาท) กลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ชอบใช้เงินซื้อความสุขในวันนี้มากกว่าที่จะกังวลกับอนาคต อีกทั้งยังไม่กังวลถ้าต้องยืมเงินใช้จ่าย 

เชื่อมั่นเศรษฐกิจแค่ร้อยละ 39

รายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน (ACSS) ประจำปี 2568 เผยว่าผู้บริโภคไทยร้อยละ 39 มองเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเชื่อมั่น โดยสัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35 ในปีก่อนหน้า 

ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นความกังวลหลักของผู้บริโภคชาวไทย โดยร้อยละ 61 ที่กังวลในเรื่องดังกล่าว สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้บริโภคในอาเซียนซึ่งอยู่ที่ร้อย 59 

ทั้งนี้ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคชาวไทยเปลี่ยนไป ผู้ตอบแบบสำรวจที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ร้อยละ 49 ซื้อสินค้าที่มีส่วนลดมากขึ้น และร้อยละ 47 ใช้เวลานานขึ้นในการตัดสินใจซื้อ นอกจากนั้น ร้อยละ 45 ซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้นในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา

จอห์น วากเนอร์ กรรมการผู้จัดการ และพาร์ทเนอร์ บีซีจี ประเทศไทย กล่าวถึงผลการสำรวจว่า แม้ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ และคนไทยเริ่มกังวลกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคสามารถปรับตัวได้ โดยปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่เพียงเปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างการเติบโต แต่ยังนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ที่ผู้บริโภคและผู้กำหนดนโยบายต้องรับมือ

ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและคุณภาพชีวิตมากขึ้น 

นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำวัน ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยร้อยละ 44 มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (เทียบกับปีก่อนหน้า) ในด้านการศึกษา สุขภาพ และคุณภาพชีวิต สะท้อนว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความตระหนักมากขึ้นต่ออายุที่ยืนยาวและความเป็นอยู่ที่ดี 

ยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงผลสำรวจดังกล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไปสู่การใช้จ่ายเพื่อพัฒนาตนเองและดูแลสุขภาพ ซึ่งสะท้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันนี้ พร้อมกับการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต 

คนกำลังซื้อสูงจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์

การสำรวจพบว่า การใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และไลฟ์สไตล์ถูกมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ และผู้บริโภคฐานะปานกลาง

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 38 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์และสินค้าหรูหราเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง (มีรายได้มากกว่า 200,000 บาทต่อเดือน) มีการปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายไปยังการซื้อประสบการณ์มากขึ้น โดยหมวดสินค้า-บริการที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์มากที่สุด คือ ความบันเทิง การรับประทานอาหาร และการท่องเที่ยว 

ส่วนใหญ่มีหนี้มากกว่า 2 รายการ 

ในด้านหนี้สิน การสำรวจพบว่า 3 ใน 4 หรือประมาณร้อยละ 75 ของผู้บริโภคมีสินเชื่อเฉลี่ย 2.3 รายการ โดยสินเชื่อที่พบมากที่สุด คือ สินเชื่อส่วนบุคคล (ร้อยละ 39) และสินเชื่อบัตรเครดิต (ร้อยละ 38) 

นอกจากนั้น การสำรวจพบว่า ผู้บริโภคที่มีรายได้สูงยิ่งเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้จำนวนรายการสินเชื่อของผู้มีกำลังซื้อสูงนั้นสูงกว่ากลุ่มทั่วไป โดยผู้มีกำลังซื้อสูงมีสินเชื่อเฉลี่ย 2.5 รายการ 

ด้านแนวโน้มการกู้ยืม พบว่าการกู้ยืมจากบัตรเครดิตลดน้อยลงกว่าในปี 2567 ขณะที่การกู้ยืมจากเพื่อนและครอบครัวเพิ่มขึ้นแทน 

ด้านการชำระหนี้ พบว่า ร้อยละ 80 ของผู้กู้สามารถชำระเงินคืนได้อย่างสม่ำเสมอ แต่กลุ่ม Gen Z มีแนวโน้มที่จะพลาดการชำระเงินบ่อยครั้งและต้องเสียค่าปรับ

ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มีเงินออม

ด้านความมั่นใจในการบริหารการเงินของตนเอง ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคไทยร้อยละ 87 มีความมั่นใจในการบริหารการเงินส่วนบุคคลของตนเอง และร้อยละ 74 มีการออมเงินมากกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ และในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ร้อยละ 88 มีการออมอย่างน้อยร้อยละ 10 ของรายได้

ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย สะท้อนถึงแนวโน้มนี้เช่นกัน โดยพบว่ายอดเงินฝากของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงเติบโตขึ้นร้อยละ 21 ขณะที่ลูกค้ากลุ่ม Gen Z มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของจำนวนบัญชีเงินฝากในกลุ่มลูกค้ายูโอบี ด้วยการเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48 สะท้อนความสนใจในการออมเงินของกลุ่มคนรุ่นใหม่ 

หลายปัจจัยท้าทายการออม

อย่างไรก็ตาม วินัยในการออมยังคงเผชิญความท้าทายสำคัญ หนึ่งในความท้าทายสำคัญคือ ทัศนคติเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงิน เห็นได้จากผลการสำรวจที่พบว่า ร้อยละ 85 ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และร้อยละ 73.5 ของผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ชอบใช้เงินเพื่อซื้อความสุขในปัจจุบันมากกว่ากังวลเรื่องอนาคต 

ร้อยละ 82 ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และร้อยละ 72.5 ของผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ไม่กังวลถ้าต้องยืมเงินเพื่อใช้จ่าย 

ร้อยละ 80 ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และร้อยละ 79 ของผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z รู้สึกว่าความคาดหวังทางสังคมหรือแรงกดดันจากคนรอบข้างทำให้การออมเงินเป็นเรื่องยาก 

แชร์
คนไทยชอบซื้อความสุขวันนี้ ไม่กังวลอนาคต สำรวจพบหลายปัจจัยท้าทายการออม