Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
กูรูมองทองขึ้นต่อ ดอกเบี้ยขาลง-เงินเฟ้อหนุน จับตาชัตดาวน์สหรัฐยืดเยื้อ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

กูรูมองทองขึ้นต่อ ดอกเบี้ยขาลง-เงินเฟ้อหนุน จับตาชัตดาวน์สหรัฐยืดเยื้อ

8 ต.ค. 68
16:01 น.
แชร์

GCAP GOLD ชี้ราคาทองยังขาขึ้น แตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับแรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อทรงตัวสูง และดอลลาร์อ่อนค่า

บริษัท จีแคป จำกัด (GCAP GOLD) ประเมินทิศทางราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่อง หลังราคาทะยานทะลุระดับ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความคาดหวังว่ากระแสเงินลงทุนจะยังคงไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันนี้ (8 ต.ค. 68) ราคาทองคำขยับขึ้นทะลุ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงิน และแรงซื้อจากภาคเอกชนและธนาคารกลาง

นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด (GCAP GOLD) เปิดเผยว่า ภายหลังราคาทองคำปรับขึ้นแรงและทะลุแนวต้านสำคัญ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 3 ประการที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดทองคำในช่วงนี้ ได้แก่

1. วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเฟดได้ส่งสัญญาณเข้าสู่รอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นทางการ หลังจากใช้นโยบายการเงินตึงตัวมายาวนานเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ การลดดอกเบี้ยดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อการลดต้นทุนการถือครองทองคำ ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย และกระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือครองในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น

2. เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายของเฟด แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอลงจากจุดสูงสุด แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ซึ่งหมายความว่าความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังไม่หมดไป ทองคำจึงยังคงทำหน้าที่เป็น “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge)” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดเริ่มไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพของค่าเงินหลัก

3. ดอลลาร์อ่อนค่าและความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ แรงกดดันต่อเฟดจากปัญหาทางการเมืองและความเสี่ยง “ชัตดาวน์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ” ที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในดอลลาร์ลดลง นักลงทุนจำนวนมากจึงโยกเงินเข้าสู่ทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดรอความชัดเจนจากสภาคองเกรสเกี่ยวกับงบประมาณรัฐบาลกลาง

นอกจากนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาทองคำให้ทรงตัวในระดับสูงคือแรงซื้อจาก ภาคเอกชนและสถาบันการเงิน โดยเฉพาะ กองทุน ETF ทองคำ (Gold Exchange-Traded Funds) ที่กลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการเพิ่มการถือครองทองคำรวมกว่า 100 ตัน ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มราคาทองในระยะกลางถึงยาว

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก ก็ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ทุนสำรองระหว่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการถือสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่เพิ่มการสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งขยาย “เครือข่ายการจัดเก็บทองคำ” (Gold Storage Network) ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อผลักดันบทบาทของสกุลเงิน หยวน (CNY) ในตลาดโลก และยืนยันสถานะของจีนในฐานะผู้นำด้านสินทรัพย์ปลอดภัยในภูมิภาค

GCAP GOLD มองราคาทองยังเป็นขาขึ้น จับตาชัตดาวน์สหรัฐฯ ระยะสั้น

ฝ่ายวิเคราะห์ของ GCAP GOLD มองว่าภาพรวมราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเชิงบวก และประเมินว่ามีโอกาส “แตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์” ซึ่งเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่สำคัญ หากได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากกองทุน ETF และการเข้าซื้อของธนาคารกลาง

ทั้งนี้ ในเช้านี้ ราคาทองคำสปอตพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เงินบาทยังอ่อนค่าอยู่บริเวณ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นแตะโซน 61,500 บาท แล้ว ด้าน Goldman Sachs ได้ปรับเพิ่มประมาณการราคาทองสิ้นปี 2569 จาก 4,300 ดอลลาร์ เป็น 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองในอนาคตมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น GCAP GOLD แนะนำให้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของสถานการณ์ “ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ” อย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาวะการเมืองในสหรัฐฯ ยังคงเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโดยรวม หลังการปิดทำการของหน่วยงานรัฐยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 8 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงยืนยันให้พรรคเดโมแครตยอมรับข้อเสนอด้านงบประมาณของพรรครีพับลิกันก่อน จึงจะยอมเปิดการเจรจาในประเด็นเครดิตภาษีสุขภาพ พร้อมกล่าวโจมตีว่าการปิดทำการดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและกระทบต่อการให้บริการประชาชนอย่างชัดเจน

GCAP GOLD ประเมินว่า หากสถานการณ์ชัตดาวน์ยืดเยื้อ จะกลายเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อราคาทองคำจากความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น แต่หากมีการบรรลุข้อตกลงเปิดหน่วยงานรัฐกลับมาดำเนินการตามปกติได้ อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นตามมา นักลงทุนจึงควรบริหารพอร์ตด้วยความระมัดระวังและติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง


แชร์
กูรูมองทองขึ้นต่อ ดอกเบี้ยขาลง-เงินเฟ้อหนุน จับตาชัตดาวน์สหรัฐยืดเยื้อ