Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดโผหุ้นรับอานิสงส์ 'คนละครึ่งพลัส'  โบรกฯ มองหนุนบริโภค-ค้าปลีก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดโผหุ้นรับอานิสงส์ 'คนละครึ่งพลัส' โบรกฯ มองหนุนบริโภค-ค้าปลีก

6 ต.ค. 68
14:09 น.
แชร์

GBS มองตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งช่วยพยุงความเชื่อมั่นและหนุนโอกาสลงทุนในหุ้นกลุ่มบริโภคในระยะสั้น แนะนำกลยุทธ์เชิงรับ เลือกลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์จากโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและเครื่องดื่ม เช่น CPALL, BJC, CPAXT, CBG, OSP, SAPPE, TNP และ MOTHER

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (7-11 ตุลาคม 2568) ว่าดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway ในกรอบ 1,260-1,320 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะ “ชัตดาวน์” ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกและอาจทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญล่าช้า ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงประคองจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะ “โครงการคนละครึ่งพลัส” ที่รัฐบาลเตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 7 ตุลาคมนี้

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ GBS เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคมมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบผันผวนออกข้าง โดยปัจจัยภายนอกประเทศยังคงเป็นแรงกดดันหลัก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญความเสี่ยงของการปิดหน่วยงานราชการ (Government Shutdown) ที่อาจยืดเยื้อถึงสัปดาห์นี้หากการเมืองสหรัฐฯ ภายในยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องงบประมาณได้

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจทำให้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ต้องเลื่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนกันยายน ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคมออกไป ขณะที่สถานการณ์ด้านแรงงานยังสะท้อนความอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

รายงานของสถาบัน ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนลดลง 32,000 ตำแหน่ง สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่มองว่าจะเพิ่มขึ้นราว 52,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขเดือนสิงหาคมยังถูกปรับทบทวนจากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่ง เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐฯ และเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม

อีกด้านหนึ่ง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงต้องจับตา ล่าสุดรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศ G7 ได้ออกแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมออนไลน์ โดยระบุว่าถึงเวลาที่จะต้องเพิ่มแรงกดดันสูงสุดต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ เพื่อจำกัดศักยภาพทางเศรษฐกิจของรัสเซียในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาพลังงานโลกผันผวนในระยะสั้น และเป็นอีกปัจจัยที่ตลาดทุนทั่วโลกต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

“คนละครึ่งพลัส” หนุนหุ้นบริโภค–ค้าปลีก เตรียมเสนอ ครม. 7 ต.ค.

สำหรับปัจจัยในประเทศ นางสาววิลาสินีกล่าวว่า ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งมีวงเงินดำเนินการรวม 66,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 22,000 ล้านบาท สำหรับผู้ถือบัตรกว่า 13.4 ล้านราย และอีกส่วนหนึ่งคือการดำเนินการสำหรับประชาชนทั่วไปประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 7 ตุลาคม ก่อนเปิดให้ลงทะเบียนภายในช่วงปลายเดือนนี้

GBS มองว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยคาดว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มได้อานิสงส์โดยตรงจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ GBS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับในหุ้นที่มีศักยภาพได้รับประโยชน์จากการเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและเครื่องดื่ม เช่น CPALL, BJC, CPAXT, CBG, OSP, SAPPE, TNP และ MOTHER ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวและบรรยากาศการจับจ่ายที่กลับมาคึกคักในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยเชิงนโยบายแล้ว นักลงทุนยังควรติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2568 ในวันที่ 8 ตุลาคม การแถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้าโดยกระทรวงพาณิชย์ และการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในช่วงกลางเดือน รวมถึงรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำเดือนตุลาคมจากธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงปลายเดือน

ขณะเดียวกัน ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรายงานดุลการค้าและการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในวันที่ 7 ตุลาคม รายงานการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นประจำเดือนสิงหาคม และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งที่ 7/2568 ระหว่างวันที่ 28–29 ตุลาคม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลโดยตรงต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก

GBS สรุปว่า แม้ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะ “คนละครึ่งพลัส” น่าจะช่วยพยุงความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มบริโภคได้ในระยะสั้น ดัชนี SET จึงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดที่ 1,260-1,320 จุด พร้อมแนะนำให้นักลงทุนติดตามความคืบหน้าของมาตรการภาครัฐควบคู่กับปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง.

แชร์
เปิดโผหุ้นรับอานิสงส์ 'คนละครึ่งพลัส'  โบรกฯ มองหนุนบริโภค-ค้าปลีก