Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดโผหุ้นได้อานิสงส์ 'คนละครึ่ง-ดอกเบี้ยขาลง' รับรัฐบาล 'อนุทิน'
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดโผหุ้นได้อานิสงส์ 'คนละครึ่ง-ดอกเบี้ยขาลง' รับรัฐบาล 'อนุทิน'

8 ก.ย. 68
17:29 น.
แชร์

หลังจากการเมืองไทยได้ข้อสรุปชัดเจนว่า อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 บรรยากาศในตลาดทุนก็พลันกลับมาคึกคัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับแรงหนุนทั้งจากปัจจัยการเมืองที่นิ่งขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลชุดใหม่เตรียมเดินหน้า โดยเฉพาะการฟื้นโครงการ “คนละครึ่ง” ที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถเร่งการใช้จ่ายของประชาชนได้จริง

ในขณะเดียวกัน บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่าโลกกำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ยิ่งเติมบรรยากาศการลงทุนให้สดใสกว่าเดิม เมื่อแรงขับจากการเมืองและเศรษฐกิจมาบรรจบกัน กลยุทธ์ที่โดดเด่นจึงอยู่ที่การเลือก “หุ้นคนละครึ่ง” และ “หุ้นดอกเบี้ยขาลง” ซึ่งพร้อมต่อยอดโมเมนตัมของ SET Index ให้เดินหน้าต่ออย่างแข็งแรง

อนุทินเปิด 4 โรดแมปเร่งด่วน ปลุกความเชื่อมั่นการเมือง-ตลาดทุน

ในวันแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง นายอนุทินได้เปิดตัว “4 Roadmap เร่งด่วน” เพื่อขับเคลื่อนประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วันนับจากการถวายสัตย์ และ 4 Roadmap นี้ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนทันที ได้แก่

  • ประการแรก คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายของทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น ค่าพลังงานและค่าขนส่ง พร้อมแก้ไขหนี้สินเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย โดยเสริมสร้างรายได้แก่ชุมชนฐานรากอย่างเข้มแข็ง
  • ประการที่สอง คือการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ดำเนินการด้วยสันติวิธี ควบคู่กับมาตรการชดเชยและการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้เกิดการสูญเสียดินแดนแม้เพียง “ตารางเซนติเมตรเดียว”
  • ประการที่สาม คือการรับมือภัยธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ พัฒนาระบบเตือนภัยที่ทันสมัยและระบบเยียวยาฟื้นฟูที่รวดเร็วและเป็นธรรม โดยอาศัยประสบการณ์จากสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และในรัฐบาลนี้ยังควบตำแหน่งดังกล่าวไปด้วย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงระบบได้รวดเร็วและตรงจุด
  • ประการที่สี่ คือการปราบปรามภัยสังคม ทั้งขบวนการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เครือข่ายสแกมเมอร์ และการพนันออนไลน์ โดยจะทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรทางการเมืองในภูมิภาคอย่างเข้มข้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันจุดยืนที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำฉบับใหม่ ตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย พร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ตามข้อตกลง MOA ที่ได้ทำกับพรรคประชาชน ซึ่งทำให้มี Timeline การเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น และสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนทุกประเภท

นโยบาย “คนละครึ่ง” กลับมาอีกครั้ง

ในด้านเศรษฐกิจ นายอนุทินได้ประกาศจะนำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้อีกครั้งภายใน 1 เดือนแรกของการทำงาน โดยอาศัยระบบเดิมอย่าง “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่พร้อมใช้งานทันทีโดยไม่ต้องสร้างใหม่ มาตรการนี้มี ข้อดี 3 ข้อ ที่พิสูจน์แล้วในอดีต ได้แก่

  • Quick Win กระตุ้นเศรษฐกิจทันใจ: สามารถผลักดันการใช้จ่ายของประชาชนได้ทันทีในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ถือเป็นมาตรการระยะสั้นที่เห็นผลชัดเจนภายในเวลาอันสั้น
  • ต้นทุนประหยัด แต่มีประสิทธิผล: ข้อมูลในอดีตชี้ว่าโครงการคนละครึ่งตลอด เฟส 1-5 ใช้งบประมาณเฉลี่ยเพียง 20,000-30,000 ล้านบาทต่อรอบ แต่สามารถกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2%-0.4% ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่าสูงเมื่อเทียบกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่ใช้งบประมาณมากกว่าหลายเท่า
  • เข้าใจง่าย ประชาชนคุ้นเคย: ด้วยรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ประชาชนและผู้ค้ารายย่อยใช้งานได้ทันที และเงินสามารถกระจายลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างรวดเร็ว

แนะลงทุน 2 ธีมเด่น ‘คนละครึ่ง-ดอกเบี้ยขาลง’

เอเซีย พลัสประเมินว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีแนวโน้มสดใส หลังได้ข้อสรุปนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ซึ่งช่วยเพิ่มความชัดเจนทางการเมืองและหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยสถิติชี้ว่าในวันโหวตเลือกนายกฯ SET Index มักปรับขึ้นเฉลี่ยราว 0.6% และในช่วง 1 สัปดาห์ถัดมายังมีโอกาสขยับขึ้นต่อเฉลี่ยอีก 1.7% ทำให้ระดับปัจจุบันยังคงมี Momentum ที่พร้อมต่อยอดได้

บนพื้นฐานดังกล่าว บล.เอเซีย พลัส จึงเสนอว่ากลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ธีมสำคัญ ได้แก่

1. หุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง

โครงการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่

  • ค้าปลีก–ค้าส่ง: CPAXT, CRC, DOHOME, BJC, CPALL
  • อาหารและเครื่องดื่ม: SAPPE, CBG, TKN, OSP, M
  • วัตถุดิบและเกษตรอุตสาหกรรม: TVO, KSL, TU, CPF

2. หุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

ทิศทาง Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ชี้ว่าการลงทุนในหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและมีเสถียรภาพด้านเงินปันผลน่าสนใจมากขึ้น โดยหุ้นเด่น ได้แก่

  • VISA (DR: VISA80) – หุ้นเด่นที่สะท้อนประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงและการขยายตัวของธุรกรรมดิจิทัล
  • HKEX (DR: HKEX23) – ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงที่มีความโดดเด่นเชิงโครงสร้าง และได้แรงหนุนจากกระแสทุนเคลื่อนย้าย
  • SINGTEL (DR: SINGTEL80) – หุ้น High Yield ในกลุ่ม Emerging Market ที่ให้เงินปันผลสูงถึง 4.1%

นอกจากนี้ ตลาดการเงินไทยยังมีความเคลื่อนไหวสอดรับกันในวันเดียวกับการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ได้แก่ ราคาทองคำที่เปิดตลาดพุ่งขึ้น 150 บาทในวันที่ 8 ก.ย. 2568 เวลา 9:20 น. พันธบัตร ปตท. เปิดขาย “Young Saver Bond” ครั้งแรกพร้อมหุ้นกู้ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.50% เวลา 13:34 น. และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตามราคาทองคำตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 8:51 น.

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ปัจจัยการเมืองที่มีความชัดเจนสามารถเสริมบรรยากาศเชิงบวกต่อการลงทุน โดยผนวกกับกระแสเงินทุนและวัฏจักรดอกเบี้ยโลก ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง


แชร์
เปิดโผหุ้นได้อานิสงส์ 'คนละครึ่ง-ดอกเบี้ยขาลง' รับรัฐบาล 'อนุทิน'