หลังจากการเมืองไทยได้ข้อสรุปชัดเจนว่า อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 บรรยากาศในตลาดทุนก็พลันกลับมาคึกคัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับแรงหนุนทั้งจากปัจจัยการเมืองที่นิ่งขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลชุดใหม่เตรียมเดินหน้า โดยเฉพาะการฟื้นโครงการ “คนละครึ่ง” ที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถเร่งการใช้จ่ายของประชาชนได้จริง
ในขณะเดียวกัน บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่าโลกกำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ยิ่งเติมบรรยากาศการลงทุนให้สดใสกว่าเดิม เมื่อแรงขับจากการเมืองและเศรษฐกิจมาบรรจบกัน กลยุทธ์ที่โดดเด่นจึงอยู่ที่การเลือก “หุ้นคนละครึ่ง” และ “หุ้นดอกเบี้ยขาลง” ซึ่งพร้อมต่อยอดโมเมนตัมของ SET Index ให้เดินหน้าต่ออย่างแข็งแรง
ในวันแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง นายอนุทินได้เปิดตัว “4 Roadmap เร่งด่วน” เพื่อขับเคลื่อนประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วันนับจากการถวายสัตย์ และ 4 Roadmap นี้ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนทันที ได้แก่
นอกจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันจุดยืนที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำฉบับใหม่ ตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย พร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ตามข้อตกลง MOA ที่ได้ทำกับพรรคประชาชน ซึ่งทำให้มี Timeline การเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น และสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนทุกประเภท
ในด้านเศรษฐกิจ นายอนุทินได้ประกาศจะนำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้อีกครั้งภายใน 1 เดือนแรกของการทำงาน โดยอาศัยระบบเดิมอย่าง “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่พร้อมใช้งานทันทีโดยไม่ต้องสร้างใหม่ มาตรการนี้มี ข้อดี 3 ข้อ ที่พิสูจน์แล้วในอดีต ได้แก่
เอเซีย พลัสประเมินว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีแนวโน้มสดใส หลังได้ข้อสรุปนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ซึ่งช่วยเพิ่มความชัดเจนทางการเมืองและหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยสถิติชี้ว่าในวันโหวตเลือกนายกฯ SET Index มักปรับขึ้นเฉลี่ยราว 0.6% และในช่วง 1 สัปดาห์ถัดมายังมีโอกาสขยับขึ้นต่อเฉลี่ยอีก 1.7% ทำให้ระดับปัจจุบันยังคงมี Momentum ที่พร้อมต่อยอดได้
บนพื้นฐานดังกล่าว บล.เอเซีย พลัส จึงเสนอว่ากลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ธีมสำคัญ ได้แก่
1. หุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง
โครงการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่
2. หุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
ทิศทาง Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ชี้ว่าการลงทุนในหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและมีเสถียรภาพด้านเงินปันผลน่าสนใจมากขึ้น โดยหุ้นเด่น ได้แก่
นอกจากนี้ ตลาดการเงินไทยยังมีความเคลื่อนไหวสอดรับกันในวันเดียวกับการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ได้แก่ ราคาทองคำที่เปิดตลาดพุ่งขึ้น 150 บาทในวันที่ 8 ก.ย. 2568 เวลา 9:20 น. พันธบัตร ปตท. เปิดขาย “Young Saver Bond” ครั้งแรกพร้อมหุ้นกู้ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.50% เวลา 13:34 น. และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตามราคาทองคำตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 8:51 น.
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ปัจจัยการเมืองที่มีความชัดเจนสามารถเสริมบรรยากาศเชิงบวกต่อการลงทุน โดยผนวกกับกระแสเงินทุนและวัฏจักรดอกเบี้ยโลก ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง