Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สรุป 6 ประเด็นสำคัญ ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ในวัย 94 ปี ลงจากตำแหน่ง CEO
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

สรุป 6 ประเด็นสำคัญ ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ในวัย 94 ปี ลงจากตำแหน่ง CEO

4 พ.ค. 68
18:02 น.
แชร์

นับว่าเป็นข่าวสุดช็อค หลัง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ นักธุรกิจและนักลงทุน มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ประกาศลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท “เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์” (Berkshire Hathaway) ในวัย 94 ปี พร้อมส่งไม้ต่อให้ ‘เกร็ก อาเบล’

บัฟเฟตต์ ได้ประกาศอย่างว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Berkshire Hathaway ภายในสิ้นปีนี้ ท่ามกลางการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่ Omaha ซึ่งมีผู้ร่วมงานหลายพันคนและไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ยกเว้นลูกของปู่บัฟเฟตต์ ทั้ง 2 ที่เป็นบอร์ดที่น่าจะทราบเรื่องนี้

บัฟเฟต์ใช้เวลากว่า 4.5 ชั่วโมงในการตอบคำถามจากนักลงทุนอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะกล่าวถึงแผนการก้าวลงจากตำแหน่ง และประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การค้า และอนาคตของสหรัฐฯ

บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากสรุป 6 ประเด็นสำคัญ ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ในวัย 94 ปี หลังลงจากตำแหน่ง CEO Birkshire Hathaway

1.แผนการของ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ หลังลงจากตำแหน่ง

หลังการประกาศของ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเขาได้เสนอให้ ‘เกร็ก เอเบล’ ในวัย 62 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการของ Berkshire Hathaway รับผิดชอบดูแลกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัยทั้งหมด (Vice Chairman of Non-Insurance Operations) ขึ้นมาเป็นผู้สืบถอดอาณาจักร Berkshire Hathaway แทน

โดยการทำงานที่โดดเด่นของ ‘เกร็ก เอเบล’ คือ สไตล์การบริหารจัดการที่ ‘ลงมือปฏิบัติจริง’ (Hands-on) และความขยันขันแข็ง โดย บัฟเฟตต์ ได้เล่าว่าด้วยสไตล์การบริหารของ ‘เกร็ก เอเบล’ เหมาะสมกับการดูแลบริษัทย่อยของ Berkshire ที่มีมากกว่า 60 แห่ง มีพนักงานรวมกันเกือบ 400,000 คน และมีความหลากหลายทางธุรกิจสูง

นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ ยังได้กล่าวว่าคณะกรรมการบริหารจะตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางที่ดีที่สุดและจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็น หลังบัฟเฟตต์ตั้งใจที่จะลงจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้ โดยไม่มีการขายหุ้นใดๆในบริษัทเลย แต่ยังคงให้คำปรึกษากับบริษัทต่อไป

2. ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ไม่เห็นด้วยกับ สงครามภาษี

การกล่าวอำลาตำแหน่งในครั้งนี้ บัฟเฟตต์ ยังได้ย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและแสดงความคิดเห็นและข้อกังวลใจหลังการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย

แม้ว่า บัฟเฟตต์ไม่ได้เอ่ยชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โดยตรงในการหารือถึงผลกระทบของแผนการค้าเหล่านี้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร

บัฟเฟตต์ กล่าวว่า “การค้าไม่ควรเป็นอาวุธ ฉันคิดว่ายิ่งโลกมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งช่วยให้สหรัฐฯเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น และเราจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และลูกหลานของคุณก็จะรู้สึกเช่นนั้นในสักวันหนึ่ง”

เขากล่าวเสริมว่า การค้าและภาษีศุลกากร “สามารถเป็นการกระทำสงครามได้” บัฟเฟตต์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ ควรพิจารณาการค้ากับประเทศอื่นๆ และปล่อยให้พวกเขา “ทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด”

3. ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ เชื่อว่า ความผันผวนในตลาดเป็นเรื่องเล็กน้อย

แม้ว่าบัฟเฟตต์ จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีของสหรัฐฯ แต่เขาเชื่อว่าความผัวผวนของตลาดในช่วงที่ผ่านมาหลังจากมีการประกาศภาษีศุลกากรดังกล่าวในช่วง 30-45 วันที่ผ่านมา… ไม่มีอะไรเลย

นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ ยังได้พูดถึง ดัชนี S&P 500 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นได้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 2 ทศวรรษ หลังจากที่หุ้นร่วงลงอย่างหนักจนเข้าสู่เขตตลาดหมี ซึ่งหมายถึงการร่วงลงเกือบ 20% จากจุดสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายวัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้บริหารระดับสูงของ Berkshire กล่าวว่า เขามองว่าหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ร่วงลง 50% ถือเป็น “โอกาสอันยอดเยี่ยม”

4. ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ยังเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่ของอเมริกา

แม้ภาษีของทรัมป์จะทำให้เกิดคำถามต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ บนเวทีเศรษฐกิจโลก แต่บัฟเฟตต์ยังคงคาดหวังว่าประเทศนี้จะยังเป็นผู้นำ

“เราผ่านภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ผ่านสงครามโลก ผ่านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู ผมไม่ท้อแท้เลย แม้เราจะยังแก้ปัญหาไม่หมด” เขายังพูดติดตลกว่า “ถ้าผมเกิดใหม่ได้ ผมจะเจรจาอยู่ในครรภ์จนกว่าจะได้เกิดที่สหรัฐฯ”พร้อมย้ำว่า วันที่เขาเกิดในอเมริกา คือ “วันที่โชคดีที่สุดในชีวิต”

5. ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ คิดว่าการขาดดุลเป็นปัญหา

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนริเริ่มเพื่อประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลของทรัมป์ซึ่งถูกเรียกกันว่า “DOGE” บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาพบว่าการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นของประเทศนั้นน่ากังวล

“ขณะนี้เรากำลังดำเนินการด้วยภาวะขาดดุลการคลังซึ่งไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว เราไม่ทราบว่าจะหมายถึง 2 ปีหรือ 20 ปี เนื่องจากไม่เคยมีประเทศใดเหมือนสหรัฐอเมริกามาก่อน แต่สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตลอดไป” บัฟเฟตต์กล่าว

บัฟเฟตต์ไม่ได้พูดถึง DOGE โดยเฉพาะ แต่กล่าวว่าเขาเห็นคุณค่าในการลดการใช้จ่ายรัฐบาลให้เหลือระดับที่ยั่งยืน

“มันเป็นงานที่ฉันไม่ต้องการ แต่เป็นงานที่ฉันคิดว่าควรจะทำ” เขากล่าว “ดูเหมือนว่ารัฐสภาไม่ค่อยทำหน้าที่เรื่องนี้เท่าที่ควร”

6. Berkshire เกือบลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์ รอจังหวะที่ใช่!
ด้วยสถานะเงินสดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บัฟเฟตต์เปิดเผยว่าเขาเกือบจะนำเงินสดสำรองมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญจากบริษัทซึ่งมีอยู่เป็นประวัติการณ์ไปลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ

แม้ Berkshire จะมีเงินสดสะสมมากถึง 330,000 ล้านดอลลาร์ ณ ไตรมาสแรก แต่บัฟเฟต์เปิดเผยว่า “เราเกือบได้ลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้วเมื่อไม่นานนี้… แต่ยังไม่ลงมือทำ เขาเสริมว่า ถ้ามีดีลที่เข้าใจง่ายและคุ้มค่า “เราสามารถลงทุน 100,000 ล้านได้เลยทันที”

ในวัย 94 ปี วอร์เรน บัฟเฟต์ยังคงเปี่ยมด้วยพลัง ความเชื่อมั่น และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน แม้จะเตรียมส่งต่อตำแหน่ง CEO แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้กับ Berkshire Hathaway และโลกการลงทุน คือปรัชญาเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ เชื่อมั่นในระยะยาว และอย่าหวั่นไหวกับข่าวลือระยะสั้น

อ้างอิง : CNBC

แชร์
สรุป 6 ประเด็นสำคัญ ‘วอร์เรน บัฟเฟต์’ ในวัย 94 ปี ลงจากตำแหน่ง CEO