Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แจกคัมภีร์ฝ่าวิกฤติ พาพอร์ตเหนือการเปลี่ยนแปลง
โดย : ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

แจกคัมภีร์ฝ่าวิกฤติ พาพอร์ตเหนือการเปลี่ยนแปลง

2 พ.ค. 68
00:01 น.
แชร์

เพียงแค่ช่วงเวลาไตรมาสกว่าๆ ของปี 2568 เราต่างได้เห็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นมากมายทั้งในประเทศไทยและโลกใบนี้ จากนี้ไปเราคงต้องจับตากันให้ดีนะครับ เพราะโลกในเวลานี้กำลังเปลี่ยนไป  ด้วยบริบทใหม่ที่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป จาก Trade War และ Tech War สงครามสะท้านโลกระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่ไม่ใช่แค่ช่วงชิงความเป็นผู้นำโลก แต่อาจนำไปสู่การล้างไพ่ระบบเศรษฐกิจใหม่เลยก็ว่าได้

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ แรงเขย่าที่เรากำลังสัมผัสรับรู้ได้กันอยู่เวลานี้ อาจทำให้เราได้เห็นภาพเศรษฐกิจและโลกการค้าที่เข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ แต่ที่แน่ๆ ระหว่างทางนับจากนี้เป็นต้นไปไป ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นไม่หยุดยั้งแน่นอนครับ 

เพราะแค่ไม่กี่วันสงครามที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดพลุขึ้นมา ดันภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจีนพุ่งขึ้นไปถึง 145% แต่ผ่านไปไม่กี่วัน ทรัมป์ ก็ได้ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ ออกไปอีก 90 วัน ​แรงตอบโต้ของยักษ์ใหญ่อย่างจีนก็ทำให้สหรัฐฯ แทบกระอัก ไม่ว่าจะเป็นการลดการนำเข้าภาพยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในจีนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลกทีเดียวครับ และล่าสุดยังได้จีนสั่งสายการบินจีน ให้หยุดรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง ของสหรัฐฯ รวมถึงระงับการจัดซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนอากาศยานจากบริษัทสัญชาติอเมริกันเจ้าต่าง ๆ อีกด้วย

ดูเหมือนแรงกระเพื่อนกลับจะรุนแรงสาหัสกว่าที่คาด ล่าสุดทรัมป์ถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่ต้องการให้อัตราภาษีสูงขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะให้ไปถึงขั้นที่จะไม่มีการค้าขายเกิดขึ้น   

ถึงกระนั้นประเด็นเรื่องภาษีของทรัมป์คงยังไม่จบง่ายๆ และจะยังคงป่วนโลกนับจากนี้ต่อไปอีกยาวนานครับ ผมเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหลักของการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต เช่นเดียวกับในการประชุมฤดูใบไม้ผลินี้ (Spring Meetings) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank Group) ที่กำลังจัดขึ้นในสัปดาห์นี้ มีผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังทั่วโลกเข้าร่วมจำนวนมาก แต่ประเด็นหลักในการเจรจาจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม   และประเด็นเรื่องภาษีป่วนโลกหนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นประเด็นหลักแซงหน้าประเด็นอื่นใดไปเสียแล้ว

IMF ยังคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะเห็นการปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนและความผันผวนในตลาดที่สูงเกินทุกตัวชี้วัด อันเป็นผลจากความวุ่นวายเรื่องภาษี แต่มองว่ายังไม่ถึงขั้นถดถอย  อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องสงครามการค้าและเศรษฐกิจถดถอยอาจทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวได้

เวลานี้สินทรัพย์การลงทุนทั่วโลกอยู่ในภาวะปั่นป่วนไม่น้อย​ครับ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดวันจันทร์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 971.82 จุด ลดลง 2.48%  ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.36%  และดัชนี Nasdaq ​ร่วงลงลึก 2.55%  หลังการแทรกแซงธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดของนายโดนัลด์ ทรัมป์  ทั้งๆ ที่การเจรจาการค้าไม่ได้คืบหน้าอย่างที่คิดไว้ ขณะที่ตราสารหนี้สหรัฐฯ ถูกเทขายอย่างหนัก  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 

หากนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีป่วนโลก ดัชนี S&P 500 ลดลง 9%  ดัชนี Nasdaq ลดลงเกือบ 10%   และดัชนี Dow ลดลง 9.6%

เวลานี้สินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังถูกตั้งคำถาม และอาจจะไม่สามารถเป็น safe haven ได้อีกต่อไป ขณะที่สินทรัพย์อย่างทองคำพุ่งขึ้นมาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง ล่าสุดยืนเหนือ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปแล้ว

จริงอยู่ว่าตลาดหุ้นก็อยู่คู่กับความผันผวนเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าอะไรที่ไม่แน่นอน นักลงทุนก็จะเทขาย ซึ่งไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นเท่านั้น ยังมีสินทรัพย์ต่างๆ ที่ปั่นป่วนตามไปด้วย รวมไปถึงตลาดพันธบัตร ที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอยู่ด้วย

คำถามคือท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ระหว่างทางไปสู่โลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมนี้ เราจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนแบบนี้ไปอีกยาวนาน หากเป็นเช่นนั้น เราทุกคนจะอยู่รอดอย่างไรให้เป็นผู้ชนะ เหนือสงคราม Trade War เปลี่ยนโลกครั้งนี้

เอาละครับ สำหรับคนที่มองหาวิธีรับมืออย่างไรให้ดีที่สุด ผมมี 3 ขั้นตอนที่จะทำให้คุณอยู่รอดบนกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวกรากนี้ได้อย่างปลอดภัย

ข้อแรก “นิ่ง ตั้งสติ ทำความเข้าใจ”

“Warren Buffett” นักลงทุนไอดอลสาย VI ของโลก เคยพูดถึงบทกวีหนึ่งที่ชื่อว่า If ของ Rudyard Kipling ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19

“If you can keep your head when all about you are losing theirs.” ถ้าคุณรักษาสติได้ ในยามที่คนรอบข้างเสียสติ…

ซึ่งเอามาใช้เตือนใจได้ดีมากในสถานการณ์ปัจจุบัน ข่าวสารมากมายในช่วงนี้เปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอน กระทบกับความรู้สึกของนักลงทุนอยู่แล้ว เกิดหลากหลายอารมณ์ใจหายใจคว่ำ สิ่งที่สำคัญ “ใครที่จิตใจแข็งแกร่ง ย่อมชนะ”

เพราะฉะนั้น นักลงทุนควรโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้ คือ การเลือกบริษัทที่จะลงทุน หากคุณเป็นนักลงทุนสาย VI ที่เน้นลงทุนหุ้นคุณค่า ก็ยึดหลักการลงทุนระยะยาว “หุ้นที่มีพื้นฐานดี ธุรกิจมีอนาคตเติบโต ราคาหุ้นที่ถูก” หรือควรจะจัดพอร์ตแบบไหนดีเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

ข้อที่สอง “จัดพอร์ต รับมือ ลงทุนเพิ่ม”

ที่ผ่านมา ผมแนะนำลูกค้า Jitta Wealth ให้จัดพอร์ตแบบ Core & Satellite มาตลอด เพราะเป็นการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) รูปแบบหนึ่ง เพื่อการบริหารความเสี่ยง โดยการแบ่งพอร์ตเป็น 2 ส่วนคือ

Core Port ถือเป็นพอร์ตหลักหรือสร้างรากฐานของการลงทุนให้มั่นคง พูดให้เห็นภาพคื พอร์ตนี้จะเป็นกระดูกสันหลังของการเติบโตในระยะยาว สินทรัพย์ที่ลงทุนหลักๆจะมีความเสี่ยงต่ำและสร้างผลตอบแทนให้เรื่อยๆแม้ไม่สูงมากแต่ดอกผลได้สม่ำเสมอ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้คุณภาพ หุ้นใหญ่ๆ ในประเทศพัฒนาแล้วหรือให้เงินปันผลสม่ำเสมอ เป็นต้น พอร์ตหลักนี้เน้นพึ่งพิงได้ ราคาจะไม่หวือหวาหรือผันผวนสูงมากนัก

Satellite Port พอร์ตนี้เป็นโครงสร้างต่อเติมเสริมจากรากฐาน เพื่อบูสต์การเติบโต สินทรัพย์ที่ลงทุนเน้นคว้าโอกาสทำกำไรสูงขึ้น แต่ความเสี่ยงก็มากขึ้นด้วย อาทิ หุ้นในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสูง อย่างจีน เวียดนาม หรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือเมกะเทรนด์ มีอนาคตเติบโตสูง เป็นต้น

คุณลองทบทวนพอร์ตลงทุนบ้างมั้ยว่า คุณได้กระจายความเสี่ยง ให้พอร์ตโดยรวมแข็งแกร่งแล้วหรือยัง

สำหรับผมได้แนะนำให้ลูกค้า Jitta Wealth ใช้หลักการจัดพอร์ต Core & Satellite เป็นสำคัญครับ ซึ่งสัดส่วนที่เราแนะนำคือ Core 80% และ Satellite 20% แต่ทั้งนี้คุณเองสามารถเลือกสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของคุณได้

​ยกตัวอย่างนโยบาย Global ETF ​ซึ่งลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำและกระจายอยู่ทั่วโลก​เป็นพอร์ตหลัก ส่วนพอร์ตรองคือพอร์ตที่มีไว้รับโอกาสการเติบโต ​อาทิ Jitta Ranking แผนต่างๆ และ นโยบาย Thematic ซึ่งความสำคัญคือ คุณต้องปรับพอร์ตเป็นระยะๆ เมื่อมีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ทั้งนั้น การจัดพอร์ต Core & Satellite ของผม จะมีหุ้นของ 2 มหาอำนาจโลก “สหรัฐฯ -จีน” ติดอยู่ครับ เพราะเชื่อว่า โลกยังขับเคลื่อนด้วย 2 ประเทศนี้

และเป็นธรรมดาว่าสถานการณ์การลงทุนท่ามกลางสงครามการค้านี้ พอร์ตต่างๆ อาจจะมีผลตอบแทนติดลบอยู่บ้างตามภาวะตลาดผันผวน แต่ถือว่ายังชนะภาพรวมตลาดที่ติดลบหนักกว่าครับ ซึ่งผมก็อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงสถานการณ์และย้ำว่าอย่าตื่นตระหนก เพราะนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางของการลงทุน แต่หากถือลงทุนระยะยาวไปเรื่อยๆ เมื่อตลาดปรับฐานสมดุล พอร์ตก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางของมันครับ

เพราะฉะนั้น หากคุณทบทวนพอร์ตตัวเองแล้วพบว่า ยังไม่ได้มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์และในประเทศต่างๆ ก็ควรเริ่มจัดพอร์ตให้บาลานซ์กันครับ โดยคุณจะต้องศึกษาทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่จะลงทุนก่อนนะครับและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาการลงทุนด้วย เพื่อจะได้จัดพอร์ตโดยรวมให้เหมาะสมได้

สำหรับคนที่มองหาการลงทุนเพิ่ม ต้องการคว้าโอกาสในวิกฤติตอนนี้ ก็สามารถลงทุนเพิ่มในพอร์ตรอง (Satellite Port) ได้ โดยตลาดหุ้นที่แนะนำในตอนนี้คือ “จีน” แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ แต่เชื่อว่าจีนจะผ่านไปได้และแข็งแกร่ง และหุ้นจีนเวลานี้ก็ยังถูกอยู่มาก โดยข้อมูล Market Prediction ซึ่งเป็น AI ของ Jitta Wealth ได้วิเคราะห์ออกมาพบว่า ปัจจุบันในบรรดาหุ้นคุณภาพของจีน มีจำนวนหุ้นถูกมากกว่าหุ้นแพงเยอะมากถึง 47-48 ตัว จากหุ้นคุณภาพระดับท็อป 50 ตัว คือ ถ้าเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มนี้ มีโอกาสสูงที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี

อีกกลยุทธ์หนึ่งที่ทำได้ทุกๆ วิกฤติ คือ “DCA หรือ ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน” ด้วยวินัยอย่างการ DCA อาจจะเป็นแบบรายเดือนหรือกำหนดช่วงเวลาอย่างสม่ำเสมอ คุณไม่ต้องเก็งว่า เมื่อไรควรจะซื้อขาย การอยู่ในตลาดช่วงขาลง จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสทำผลตอบแทนในตอนที่ตลาดกลับตัว หรือหากคุณมีวินัยในการลงทุนอยู่แล้ว ก็แนะนำให้ทำต่อไป หรืออีกวิธี บางคนถนัดแบ่งเงินลงทุนเป็นไม้ๆ เช่น เห็นหุ้นดีราคาถูกอยากซื้อเก็บ คุณอาจจะลงไม้ละ 10-20% ของเงินที่จะใส่ไปก่อน ทะยอยใส่เพิ่มในช่วงตลาดไหลลงแรงๆ

สุดท้ายข้อที่สามสำหรับการรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้คือ “คว้าโอกาสเริ่มลงทุน”

“To be fearful when others are greedy, and to be greedy only when others are fearful” จงกลัวในยามที่ทุกคนโลภ และโลภในยามที่ทุกคนกลัว

“Bad news is an investor’s best friend.” ข่าวร้ายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนักลงทุน

นี่คือ 2 ประโยคที่ใช้ได้ตลอดกาลของ Warren Buffett ที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ คนที่อยากเริ่มลงทุน แต่ยังไม่ได้เริ่มต้นสักที วิกฤติครั้งนี้คือโอกาสของคุณ เหมาะสำหรับคนที่จดๆ จ้องๆ มานานแต่ยังไม่ได้เริ่มลงทุนเสียที ตอนนี้ตลาดเปิดให้คุณเฟ้นหาของดีราคาถูกลงทุนแล้วครับ ขอเพียงคุณทำการบ้านและจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และประเทศชั้นนำทั่วโลก รวมถึงตราสารหนี้คุณภาพแล้วถือลงทุนระยะยาว ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถคว้าโอกาสในครั้งนี้ และเริ่มต้นเส้นทางที่ดีได้ในอนาคตอย่างสบายใจ

ผมอยากบอกว่า สถานการณ์โลกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการเตรียมตัวรับมือไว้ให้พร้อมที่สุด เพื่อจะได้รักษาพอร์ตของพวกเราให้ปลอดภัยมากที่สุดหรือเสียหายน้อยที่สุดครับ 

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด

แชร์
แจกคัมภีร์ฝ่าวิกฤติ พาพอร์ตเหนือการเปลี่ยนแปลง