ก่อนหน้านี้ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ได้เคย พูดถึงแนวคิดในการทำธุรกิจทั้งในปี 2565 และอนาคตว่า ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีเป้าหมายจะทรานส์ฟอร์มแกนหลักของธุรกิจสู่ดิจิทัล โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ หรือจะเรียกว่าเป็นเทค คอมพานี ในอนาคตได้ โดยทุ่มงบลงทุนสู่การเป็นเทคคอมพานี กว่า 5 หมื่นล้านบาท และพร้อมจะขยายงบการลงทุนได้ หากเห็นว่า การขยายธุรกิจดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในอนาคต
ดับบลิวเอชเอ ร่วมมือ โรงพยาบาลสมิติเวช พัฒนาดิจิทัล เฮลธ์แคร์
โดยล่าสุด ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาล สมิติเวช ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MoU) ร่วมกันสำรวจ ศึกษาขั้นตอนและกระบวนการทำงานที่จำเป็นตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้น เพื่อส่งมอบโซลูชัน การบริการดูแลสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่เชื่อมต่อกับช่องทางออฟไลน์ ทั้งนี้ รวมถึงการปรึกษาแพทย์ทางไกล (Telemedicine) การตรวจสุขภาพ (Health Check-up) คลินิกกลุ่มโรค NCD (กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) สมาร์ทคลินิก การจ่ายยา การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม WHAbit ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันด้านดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ที่เตรียมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้ ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ความต้องการของลูกค้า การแก้ไขปัญหา และจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อใช้ในการออกแบบ และยกระดับโซลูชันบริการด้านการดูแลสุขภาพร่วมกับบริการของโรงพยาบาลสมิติเวช และ Samitivej Virtual Hospital
โดยความร่วมมือครั้งนี้ทางโรงพยาบาลสมิติเวชในบทบาทผู้ให้บริการทางการแพทย์ จะเชื่อมโยงและสนับสนุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อให้โซลูชันและบริการการดูแลสุขภาพดิจิทัลบนแอปพลิเคชัน WHAbit ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงให้การสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ของโรงพยาบาลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน WHAbit ได้รับบริการครอบคลุมรอบด้าน นอกเหนือจากบริการออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้ โรงพยาบาลสมิติเวชจะแบ่งปันทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานในส่วนที่จำเป็น เพื่อเชื่อมโซลูชันและบริการของโรงพยาบาลเข้ากับแอปพลิเคชัน WHAbit ด้วย
โดยในเฟสที่ 1 ได้ดำเนินการใช้ WHAbit กับพนักงานของ WHA ไปแล้ว และภายในไตรมาส 3 ปีนี้ก็จะขยายบริการสู่ ลูกค้านิคมอุตสาหกรรม รวมพนักงานมากกว่า 2 แสนคน
รพ. สมิติเวช ผู้นำด้าน ดิจิทัล เฮลธ์แคร์ เชื่อมั่นความร่วมมือดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
นพ. ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ. สมิติเวช และรพ. บีเอ็นเอช บอกว่า “บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ คือ การจับมือเป็นพันธมิตรในเชิงนวัตกรรมระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการสุขภาพ และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรมที่นำความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ผมมั่นใจว่า ความร่วมมือกันระหว่างดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และสมิติเวช จะทำให้สามารถทลายอุปสรรคด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้คนจำนวนมากมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยจุดแข็งของสมิติเวชที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์และประสบการณ์ในการให้บริการ Virtual Hospital (telemedicine) ทำให้มั่นใจว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและก่อให้เกิดนวัตกรรมหลายอย่าง ด้วยการร่วมมือกับกลุ่มดับบลิวเอชเอ เราจะร่วมมือกันให้บริการสุขภาพทั้งด้านการตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการสร้างเสริมป้องกัน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุด เพื่อสร้างคุณค่า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Organization of Value ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ EEC สร้างความมั่งคั่ง มั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป
ดับบลิวเอชเอ เชื่อมั่นหากดิจิทัล เฮลธ์แคร์ไทยเข้มแข็ง ดึงดูดการลงทุนในประเทศไทยได้อีกมาก
คุณจรีพร บอกว่า การลงนามในบันทึกความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลเฮลธ์แคร์กลุ่มแรกๆ ให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เพราะเป้าหมายของดับบลิวเอชเอ ไม่ใช่แค่การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่เรายังต้องการส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้พนักงานในนิคมอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน และช่วยยกระดับความสามารถทางการแพทย์ และการให้บริการด้านสาธารณสุข
.
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของ Digital Healthcare นั่นคือการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มมาช่วยสนับสนุนบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว และลดต้นทุน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงลดความแออัดในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้อีกด้วย ที่สำคัญมองว่า ระบบสุขภาพของไทยหากมีความเข้มแข็ง จะเป็นสิ่งดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศได้อีกมาก
แผนธุรกิจ WHA สู่เทค คอมพานี ในอีก 5 ปี
ส่วนแผนธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป คุณจรีพร บอกว่า เตรียมงบลงทุน 50,000 ล้านบาท ครอบคลุม 4 กลุ่ม งบลงทุนสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท และอีก 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี ซึ่งในส่วน ดิจิทัล เฮลธ์แคร์ รวมอยู่ในงบ 4,000 ล้านบาทนี้ด้วย ทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่บริษัทเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้ ได้มีการระบุ หวังผลักดันรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติเพิ่มเป็น 21,000 ล้านบาทในปี 2569 หรือเติบโต 1.75 เท่าจากปี 2564 การใช้เทคโนโลยีเพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนโรดแมปของกลุ่มบริษัทที่ตั้งเป้าหมายจะก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยีให้ได้ภายในปี 2567