ข่าวเศรษฐกิจ

‘เศรษฐา’ ประกาศเลิกกัญชาเสรีใน 6 เดือน จำกัดเพื่อการแพทย์เท่านั้น

22 ก.ย. 66
‘เศรษฐา’ ประกาศเลิกกัญชาเสรีใน 6 เดือน จำกัดเพื่อการแพทย์เท่านั้น

นายกฯ ‘เศรษฐา’ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า รัฐบาลกำลังเตรียมที่จะแก้ไขกฎหมายกัญชาภายใน 6 เดือน ให้จำกัดการใช้กัญชาไว้สำหรับจุดประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น จ่อปิดฉาก ‘กัญชาเสรี’ หลังจากกระทรวงสาธารณะสุขปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดได้เพียงประมาณ 1 ปี

คลิปการสัมภาษณ์นี้ถูกเปิดเผยออกมาโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ นาย เศรษฐา เปิดเผยว่ารัฐบาลกำลังจะแก้กฎหมายควบคุมการใช้กัญชาในประเทศให้เข้มขึ้น ให้จำกัดเพื่อใช้กับจุดประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ให้ใช้เพื่อกิจกรรมนันทนาการอีกต่อไป โดยคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในกรอบระยะเวลาอีก 6 เดือนต่อจากนี้

นายเศรษฐา ยังเผยอีกว่า การแก้ไขกฎหมายนี้เป็นหนึ่งในข้อตกลงของ 11 พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้มีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ไม่น่าจะได้แรงต้านจากสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใด รวมไปถึง นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ผลักดันกฎหมายกัญชง กัญชา เสรีในรัฐบาลสมัยก่อนหน้านี้ด้วย

 

แก้กฎหมายอาจไม่ส่งผลอะไร ต้องดูว่าแก้อย่างไร

ถึงแม้จะเป็นการออกมาประกาศอย่างหนักแน่นต่อหน้าสื่อระดับโลก ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศแก้กฎหมายนี้ก็อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อการบริโภคกัญชาในประเทศมากนัก เพราะในปัจจุบันผู้ที่ใช้กัญชาส่วนมากในไทยก็ใช้กัญชาเพื่อเหตุผลทางการแพทย์อยู่แล้ว และคำจำกัดความของเหตุผลทางการแพทย์ที่ว่านี้ก็ยังค่อนข้างคลุมเครือ และทับซ้อนกับการใช้กัญชาเพื่อกิจกรรมนันทนาการในบางส่วน

ดังนั้น การประกาศแก้กฎหมายนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะส่งผลกับอุตสาหกรรมกัญชาที่กำลังเติบโตในประเทศไทยอย่างไร เพราะแก้แล้วก็อาจจะมีช่องให้ใช้กัญชาได้อยู่ ยกเว้นว่าจะมีการจำกัดความไว้อย่างชัดเจนว่าใช้กัญชาได้ในกรณีไหนบ้าง หรือนำกัญชากลับเข้ารายชื่อยาเสพติด 

ทั้งนี้ ในช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายกวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง และประกาศว่าจะยกเลิกกฎหมายกัญชาเสรี ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยประกาศว่าจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายให้การใช้กัญชามีความปลอดภัยรัดกุมมากขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ไม่เห็นด้วยหากจะมีการนำกัญชากลับเข้ารายชื่อสารเสพติด

 

กฎหมายกัญชาในไทยยังมีช่องโหว่

หลังจากมีการประกาศนำกัญชาออกจากรายชื่อยาเสพติดไปในเดือนมิถุนายนปี 2565 ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีร้านจำหน่ายกัญชาเกือบ 6,000 แห่งทั่วประเทศ ที่ในตอนนี้ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายได้ทั้งกัญชาสดทุกส่วน และสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC หรือ CBD ไม่เกิน 0.2% 

นอกจากนี้ เกษตรกรไทยและประชาชนไทยยังได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้อย่างเสรี รวมไปถึงการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือ จำหน่ายกัญชา ได้โดยต้องขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา และต้องขอใบอนุญาตจากรัฐเสียก่อน

แม้การปลดล็อกให้มีการซื้อ ขาย และบริโภคกัญชาได้อย่างเสรีอาจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในฐานะแหล่งกัญชาเสรีแห่งใหม่ของโลก ในปัจจุบันกฎหมายและการควบคุมการซื้อขายและใช้กัญชาในประเทศไทยยังมีช่องโหว่และมีความหย่อนยาน เพราะ พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ที่จะเข้ามาควบคุมการปลูก ขาย และใช้กัญชาให้เข้มขึ้นนั้นยังไม่ผ่านสภา ทำให้การควบคุมยังอยู่ในภาวะสุญญากาศ

นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีการออกประกาศเพื่อควบคุมการใช้บ้าง เช่น ห้ามไม่ให้ใช้กัญชาในที่สาธารณะจนเกิดควันจนเป็นเหตุรำคาญ และการห้ามไม่ให้หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือ ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ใช้กัญชา การบังคับใช้จริงก็ยังเป็นปัญหา เพราะว่าก็ยังมีกรณีผู้สูบกัญชาทำความเดือดร้อนให้คนรอบข้าง หรือมีข่าวมีผู้เจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากการใช้กัญชาเกินขนาด หรือมีเด็กรับประทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ

นี่ทำให้การแก้ไขกฎหมายให้มีความรัดกุมขึ้นอาจจะเป็นทางออกที่ดีทั้งสำหรับทุกฝ่าย เพราะหากปล่อยให้มีการใช้อย่างเสรีเกินไปก็อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชา แต่หากตึงเกินไปก็อาจจะทำให้ผู้ทำธุรกิจกัญชาในประเทศไทยเสียประโยชน์ รวมไปถึงทำให้ไทยเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากมูลค่าทางเศรษฐกิจของพืชชนิดนี้ได้ แต่ตัวกฎหมายใหม่หลังการแก้ไขจะออกมาเป็นหน้าตาอย่างไรนั้น ก็คงต้องติดดามดูกันต่อไป



ที่มา: Bloomberg

advertisement

SPOTLIGHT