รัฐบาลใหม่‘ไม่มีเวลาฮันนีมูน’ มาช้าแล้วต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ดร.อมรเทพ จาวะลา (ดร.บีท) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เศรษฐกิจไทย GDP มีโอกาสโตต่ำกว่า 3% ​หากเกิดการประท้วง

จัดตั้งรัฐบาลลากยาว มีผลกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างไร ?

ความไม่แน่นอนและความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจใน 3 ด้าน ดังนี้ 

1.ด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ที่จะล่าช้า 

2.การลงทุนทางตรงจากต่างชาติ อาจเบนเข็มไปยังเวียดนาม อินโดนิเซีย ทำให้ไทยเสียโอกาส 

3.กระทบการใช้จ่ายภาคครัวเรือน หากไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ก็ไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ตามหลักเราน่าจะเห็นรัฐบาลจัดตั้งได้ในช่วงเดือนสิงหาคม แต่ต่อให้จัดตั้งได้ในเดือนสิงหาคม งบประมาณที่นักเศรษฐศาสตร์คาดหวังว่าจะผ่านทัน 1 ตุลาคม ก็อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เป็นสาเหตุที่เรามองว่างบประมาณน่าจะผ่านได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลลากยาวออกไปอีก จากที่คิดว่าจะผ่านงบประมาณได้ในเดือนพฤศจิกายน ก็อาจเลื่อนไปเป็นธันวาคม หรือ ไปถึงปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 3 ด้านดังที่กล่าวไป

ส่งผลให้จากเดิมเราคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ที่ 3.3% ถ้ามีความเปราะบางทางเศรษฐกิจจากเรื่องของการเมือง GDP ไทยจะมีความเสี่ยงลงมาอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งเหตุผลที่เราไม่ได้มองว่า GDP ทั้งปีจะต่ำกว่า 3% เพราะปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในภาคต่างประเทศนั่นคือการท่องเที่ยวและการส่งออก ยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อยู่

ดังนั้น โจทย์หลักอยู่ที่ความไม่ชัดเจนหรือสุญญากาศที่ลากยาว ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นแกนนำในการฟอร์มรัฐบาลชุดต่อไป ในมุมของนักเศรษฐศาสตร์มองว่า ‘ไม่มีเวลาฮันนีมูน’ ใครก็ตามที่เข้ามาต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว อย่าลืมว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ที่ผ่านมาไทยก็ได้รับผลกระทบจากการส่งออกค่อนข้างมาก และเรามาเจอผลกระทบจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองอีก จึงมองว่าถ้าเรามีรัฐบาลแล้วต้องเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจ และสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน