คนจีนแต่งงานต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ‘แก่ก่อนรวย’ เเละ สังคมสูงวัย

ในปี 2565 คู่รักจีนแต่งงานเพียง 6.83 ล้านคู่ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติมา สะท้อนปัญหาสังคมผู้สูงวัยในจีนหนักมากขึ้น 

ในรายงานระบุว่า  ปี2565 คู่รักจีนที่แต่งงานมีเพียง 6.83 ล้านคู่ ลดลงจากปีก่อนหน้ามากถึง 800,000 คู่ หรือมากกว่า 10.5% ซึ่งคาดว่า เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์โควิด 19 และการล็อคดาวน์ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา 

ปัญหาการแต่งงานน้อยลงของคนจีนเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะ ในปี2565 ประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษ โดยอัตราการเกิดลดลงเหลือเพียง 6.77คน ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในประวัติการณ์ นับแต่ปีพ.ศ. 2492  และแน่นอนว่าทำให้อินเดีย ขึ้นมาแซงหน้าจีนกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกไปแล้ว 

การแต่งงานที่ลดลงของคู่รักจีนไม่ได้มีการลดลงในปี 2565 เป็นปีแรก แต่กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนเปิดเผยข้อมูลพบว่า 10 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556-2565 ประชากรจีนมีอัตราแต่งงานลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง  เช่นในปี 2556 มีคู่รักแต่งงานกว่า 13 ล้านคู่ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของปี 2565 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจีนในเวลานี้ ก็คงไม่ต่างกับอีกหลายประเทศ ที่อัตราการเกิดน้อย และประเทศเต็มไปด้วยผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไทย ซึ่งนั่นหมายถึงแรงงานในวัยหนุ่มสาว ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ภาครัฐต้องใช้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นในการดูแลสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ 

นายเจมส์ เหลียง นักเศรษฐศาตร์และประชากรศาตร์ ออกมาเตือนว่า ‘จีนกำลังเผชิญวิกฤต แก่ก่อนรวย’  เรื่องนี่ทำให้ภาครัฐในหลายมณฑลของจีนต้องเร่งออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนแต่งงาน มีลูก เพื่อช่วยกันเพิ่มจำนวนประชากร โดยรัฐฯ ส่งเสริมให้ผู้หญิงมีลูกสูงสุดได้ถึง 3 คน มีเงินอุดหนุนสำหรับบุครคนที่สองและสาม หากมีลูกยากรัฐฯยังส่งเสริมให้มีการทำเด็กหลอดแก้วฟรีอีกด้วย 

นอกจากนี้เมื่อเดือนที่แล้ว จีนได้เปิดตัวโครงการนำร่องกว่า 20 เมืองทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมกระตุ้นการแต่งงานและการมีบุตร ไปจนถึงการขยายระยะเวลาลาคลอดของคู่รักที่แต่งงานให้ยาวขึ้น และยังได้รับเงินเดือนตามปกติ