ข่าวเศรษฐกิจ

ครม.เคาะลดค่าไฟไม่เกิน 300 หน่วย เดือนพ.ค.-ส.ค.66 ลดค่าไฟตามขั้นบันได

2 พ.ค. 66
ครม.เคาะลดค่าไฟไม่เกิน 300 หน่วย เดือนพ.ค.-ส.ค.66 ลดค่าไฟตามขั้นบันได

ปัญหาค่าไฟแพง! กำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ที่ผ่านมาภาครัฐพยายามเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ 

ล่าสุด นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลางวงเงิน 10,464 ล้านบาท สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.66 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน

" วันนี้เป็นการปรับลดวงเงินงบประมาณที่จะใช้ลงเหลือ 10,464 ล้านบาท จากที่เคยอนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากกกพ.มีการปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 ลงจาก 4.77 บาท เหลือ 4.70 บาท จะใช้งบสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งต้องให้ กกต.เห็นชอบก่อน เพื่อเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องการอนุมติงบช่วงนี้และคาดว่าจะทำได้ทันพ.ค." นายอนุชากล่าว

โดยให้ส่วนลดไฟฟ้าแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน และส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพ.ค.66 จำนวน 150 บาทต่อรายสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. มาตรการช่วยเหลือในส่วนของการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได เป็นเวลา 4 เดือน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค.-ส.ค.66 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้า ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) วงเงิน 6,954 ล้านบาท 
  • ผู้ใช้ไฟบ้าน 1-150 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 89.80 สต./หน่วย ผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สต./หน่วย
  • ผู้ใช้ไฟบ้าน 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 64.80 สต./หน่วย ผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สต./หน่วย

โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ 18.32 ล้านราย เท่ากับ 78.42% ของบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด และมีงบประมาณที่ใช้สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ 6,954 ล้านบาท หรือประมาณ 1,738.50 ล้านบาทต่อเดือน

  1. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน ในส่วนของค่าไฟฟ้า

โดยเป็นการลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือนพ.ค. 66 จำนวน 150 บาท/ราย คาดว่าจะมีผู้ได้ส่วนลดค่าไฟฟ้าประมาณ  23.40 ล้านราย และคาดว่าใช้งบประมาณไม่เกิน 3,510 ล้านบาท โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งสัดส่วนการขอจัดสรรงบประมาณสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือจำนวน 35.70 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 10,428.30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) กำหนดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันในเดือนพ.ค.นี้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT