ข่าวเศรษฐกิจ

ลุ้นเศรษฐกิจจีนโตแรงปีหน้า คาดโตถึง 5% หากนโยบายคลายล็อคดาวน์ราบรื่น

10 ธ.ค. 65
ลุ้นเศรษฐกิจจีนโตแรงปีหน้า คาดโตถึง 5% หากนโยบายคลายล็อคดาวน์ราบรื่น

นักเศรษฐศาสตร์ จาก เจพีมอร์แกน เชส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวถึง 5.3% ในปี 2566 หากนโยบายการเปิดประเทศของคณะผู้บริหารชุดใหม่ของรัฐบาลจีนสามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีแนวทางที่ชัดเจน หลังจากจีนต้องเผชิญกับเศรษฐกิจชะลอตัวอันเป็นผลจากการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

 

เศรษฐกิจจีน

 

"ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ค่อย ๆ ทุเลาเบาบางลงจนกระทั่งกลางปี 2566 รัฐบาลจีนมีแนวโน้มให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ๆ โดยคณะบริหารเศรษฐกิจชุดใหม่จะเริ่มทำงานเป็นครั้งแรกในปีหน้า หลังเพิ่งได้รับการแต่งตั้งในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ปีหน้านี้ยังเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับจีนในด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายโควิด-19" นักเศรษฐศาสตร์เจพีมอร์แกน นำโดยนายจู ไห่ปิน กล่าวในบทความวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.

ขณะนี้เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4% ในปี 2566 แต่มีสิทธิ์ที่จะขยายตัวได้มากถึง 5.3% ภายใต้สมมุติฐานที่ดีที่สุด โดยเจพี มอร์แกนยังชี้ว่า ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยและจุดยืนด้านนโยบายการคลังจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีน

ด้าน Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังหารือกันถึงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2566 ที่ประมาณ 5% ในขณะที่จีนเริ่มหันมาให้ความสำคัญเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

โควิดจีน



ในการประชุมกับผู้นำองค์กรระดับโลกที่เมืองหวงซาน มณฑลอันฮุยที่ผ่านมานั้น นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19

นายหลี่ กล่าวกับนายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกในการประชุมว่า "จีนจะดำเนินนโยบายควบคุมโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ควบคู่ไปกับการรักษากำลังการผลิตให้อยู่ในภาวะปกติ" พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อนโยบายใหม่ถูกนำมาใช้

นอกจากนี้ นายหลี่ยังได้กล่าวในการประชุมกับนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า จีนจะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และจีนยินดีที่จะร่วมงานกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายหลายด้าน อันรวมถึงปัญหาหนี้สิน และการเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศ พร้อมเสริมว่าจีนพร้อมอ้าแขนต้อนรับบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศ

 

โดยการหารือกันในครั้งนี้มีขึ้นแทบจะในทันที หลังรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายคุมเข้มโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจจนนำไปสู่การประท้วงเมื่อเดือนที่ผ่านมา

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT