ข่าวเศรษฐกิจ

สื่อนอกชี้ "สีจิ้นผิง-ไบเดน" อาจพบกันนอกรอบที่กรุงเทพฯ

13 ส.ค. 65
สื่อนอกชี้ "สีจิ้นผิง-ไบเดน" อาจพบกันนอกรอบที่กรุงเทพฯ

สื่อนอกชี้ "สี-ไบเดน" อาจใช้จังหวะร่วมประชุม G20/Apec นัดคุยทวิภาคี 2 ฝ่ายที่กรุงเทพฯ หรือ บาหลี พฤศจิกายนนี้

หนังสือพิมพ์หัวใหญ่อย่างวอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) เปิดประเด็นในวันนี้ว่า ผู้นำของสองมหาอำนาจ สหรัฐ-จีน อาจเปิดการพูดคุยกันทวิภาคี 2 ประเทศแบบเจอหน้ากันครั้งแรก ระหว่างการเดินทางเยือนเอเชีย ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งสถานที่ก็อาจเป็นที่ "กรุงเทพฯ" บ้านเรา ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Apec หรือที่ "บาหลี" อินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G20

ในรายงานได้อ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังเตรียมการสำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบปะกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน ที่กรุงเทพ ฯ โดยผู้นำจีนจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 15-16 พ.ย. จากนั้นจะเดินทางต่อมายังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในวันที่ 18 พ.ย.

แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมสำหรับการประชุมทวิภาคีระหว่างผู้นำของจีนและสหรัฐ โดยอาจมีขึ้นนอกรอบการประชุม G20 หรือการประชุมเอเปค แต่การเตรียมการยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

"จีนสนับสนุนอินโดนีเซียและไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดดังกล่าว และจีนพร้อมที่จะทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อส่งเสริมให้การประชุมประสบความสำเร็จ" กระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบต่อข้อซักถามของ WSJ เกี่ยวกับการเดินทางของผู้นำจีน

หากเกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นการประชุมนอกรอบที่ทั่วโลกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ กำลังคุกรุ่นกันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามการค้าในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะสหรัฐไปแตะต้องประเด็นไข่แดงของจีนอย่าง "ไต้หวัน" จนเกิดการตอบโต้กันเบาๆ ไปก่อนหน้านี้ เช่น การซ้อมรบโชว์แสนยานุภาพทางทหาร และการลงโทษทางการค้าด้วยการห้ามส่งออก-นำเข้าสินค้าหลายรายการกับไต้หวัน

และหากดูประเด็นความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ต้องบอกว่า สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีนักกับสงครามเย็นรอบใหม่นี้

000_32ga3aq

"สหรัฐ" เพิ่งลงนามกฎหมาย CHIPS Acts จะลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยกระดับการผลิต/แข่งขันในอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการแข่งกับจีนโดยตรง โดยเฉพาะเป็นการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิปในสหรัฐ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่อง "ห่วงโซ่อุปทาน" เพราะปัจจุบันนี้ ไต้หวันคือผู้ผลิตชิปเบอร์ 1 ของโลก (จีนอยู่ที่ 3) หากเกิดปัญหาในช่องแคบไต้หวันขึ้นมา ชิปทั่วโลกจะหายไปจากระบบซัพพลายเชนได้

"จีน" จะถอดบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ 5 ราย กลับประเทศ แต่ละรายคือรัฐวิสาหกิจระดับบิ๊กเนมทั้งสิ้น อาทิ PetroChina และ Sinopec โดยบริษัทจีนเหล่านี้มีปัญหาถูกขู่จะถอดออกจากตลาดมาหลายปี ด้วยเหตุผลว่าไม่ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีของสหรัฐ แต่ล่าสุด ทั้ง 5 รายได้แจ้งเรื่องขอถอนออกจากตลาดสหรัฐเองแล้ว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนเพิ่งขอระงับการเป็นภาคีเจรจาเรื่องโลกร้อน ที่เกี่ยวข้องกับการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนโดยตรง และล่าสุดยังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมจะบินไปซาอุดิอาระเบีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย หลังจากที่ไบเดนก็เพิ่งไปเยือนซาอุฯ มา แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อโอเปกไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้มากพอเหมือนที่ไบเดนขอร้องไป

การพบกันระหว่างประธานาธิบดีสี กับประธานาธิบดีไบเดน จึงเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต้องจับตามอง และบางทีโอกาสนั้นอาจเกิดขึ้นที่ "กรุงเทพฯ" ก็เป็นได้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT