กระทรวงพลังงาน แถลงส่งสัญญาณราคาพลังงานขึ้นยกแผง โดย LPG ต้องปรับขึ้นอีก 15 บาทต่อถัง 15 กก.ไปสู่ระดับ 333 บาทต่อถังเริ่ม 1 เมษายนนี้ ส่วนดีเซลคง 30 บาทต่อลิตรจนกว่าจะสุดทางตันหรือเงินกองทุนฯหมด4หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าไฟงวดใหม่เคาะ 16 มีนาคม นี้ขึ้นแน่ 16.71 สต.ต่อหน่วย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ราคาปิโตรเลียมเหลว (LPG) จำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มจากขณะนี้ตรึงราคาไว้ไม่เกิน 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) โดยปรับขึ้น 1 บาทต่อกก.หรือ 15 บาทต่อถังซึ่ งจะส่งผลให้ราคาปรับเป็น 333 บาทต่อถัง 15 กก.มีผล 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป
" ราคาLPG เราดูแลมา 2 ปีแล้วและกำหนดตรึงไว้ 318 บาทต่อกก.ถึง 31 มี.ค.นี้ แต่ขณะนี้ราคาตลาดโลกสูงถึง 900 เหรียญฯต่อตันภาระการอุดหนุนเพิ่มขึนอย่างมากหากสะท้อนราคาจริงต้องอยู่ที่ 463 บาทต่อกก.แต่การขึ้น 15 บาทต่อถังเพื่อลดภาระซึ่งกรอบเดิมเราจะขยับทุกไตรมาสแต่ของใหม่นี้ก็เราจะดูแต่สถานการณ์ใกล้ชิดยังระบุไม่ได้ว่าการขึ้นจะนานไปถึงไหน ส่วนหนึ่งก็อยากให้ประชาชนประหยัดตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"รมว.พลังงานกล่าว
ส่วนราคาน้ำมันนั้น กระทรวงพลังงานยังคงมีนโยบายที่จะตรึงราคาดีเซลไว้ที่ระดับ 30 บาทต่อลิตรจนกว่าวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะดูแลหมด ซึ่งวางไว้ทั้งหมด 40,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สถานะสุทธิติดลบ23,000 ล้านบาทเหลือประมาณ 17,000 ล้านบาทซึ่ งหากนำมันดิบดูไบเฉลี่ยไม่เกิน 115 เหรียญฯต่อบาร์เรลจะดูแลได้ถึง พ.ค.นี้
ด้านค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัต(Ft)งวดใหม่ คือ เดือน พ.ค.- ส.ค.65 ตามกรอบเดิมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ได้มีการพิจารณาไว้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตรา 16.71 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากต้นทุนได้มีการเปลียนแปลงไปจากเดิมที่สูงขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ดังนั้นมาตรการต่างๆที่รัฐได้พยายามช่วยลดต้นทุนเช่น ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลสำหรับโรงไฟฟ้า และอื่นๆก็จะทำให้ลดต้นทุนระดับหนึ่งเพื่อดูแลค่า Ft ไม่เกินไปจากกรอบเดิมที่วางไว้ อย่างไรก็ตามเพื่อลดผลกระทบกับผู้ใช้ไฟรายย่อยไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนกำลังพิจารณาที่จะไม่ปรับขึ้น
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. บอกว่า บอร์ดกกพ.จะหารือสัปดาห์หน้าหรือราววันที่ 16 มีนาคม 2565 เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยน Ft งวดใหม่ก่อนที่จะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้งโดยจะนำปัจจัยต่างๆมาพิจารณาลดผลกระทบให้มากสุดเท่าที่จะทำได้
ด้าน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน บอกว่า กระทรวงกำลังหารือกับคลังและสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ที่จะหางบประมาณในการดูแลผู้ใช้แอลพีจีผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากขณะนี้ช่วยเหลืออยู่ที่รายละ 45 บาทต่อ 3 เดือนเป็น 55 บาทหรือรวมเป็น 100 บาทต่อ 3 เดือนซึ่งพยายามทำให้ทันวันที่ 1 เม.ย.นี้ ขณะเดียวกันยังจะพิจารณาช่วยเหลือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะสนับสนุนให้ใช้น้ำมันเบนซินราคาถูกอีกด้วย โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน บอกว่า ธพ.อยู่ระหว่างหารือเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปอย่างละ 1% โดยน้ำมันดิบปัจจุบันสำรอง 4% เป็น 5%สำเร็จรูป 1% เป็น 2% จะเพิ่มสำรองได้เพิ่มอีก 7 วัน โดยขณะนี้กำลังรับฟังความเห็นคาดว่าจะสรุปได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนการนำเข้าน้ำมันดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากตะวันออกลางเป็นหลัก รัสเซียเพียง 1% ล่าสุดการนำเข้ายังคงเป็นไปตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2 เดือนโดยจะส่งผลต่อต้นทุนน้ำมันเพิ่มประมาณ 60 สตางค์ต่อลิตร
"สำรองมันดิบคงเหลือ (รวมที่อยู่ระหว่างการขนส่ง) อยู่ที่ 5,686.44 ล้านลิตร และมีปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงเหลืออยู่ที่ 1,703.61 ล้านลิตร ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ถึง 61 วัน นอกจากนี้ บมจ.ปตท. ยังมีมาตรการเตรียมพร้อมจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 635.94 ล้านลิตร (4 ล้านบาร์เรล) จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองเป็น 66 วัน ส่งผลให้ประเทศมีน้ำมันใช้เพียงพอไม่ขาดแคลน"ส.ส.นันธิกากล่าว
แนวทางบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านราคา
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านราคาน้ำมัน กระทรวงพลังงานได้วางแนวทางการบริหารจัดการในแต่สถานการณ์ราคา ตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปจนถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีรูปแบบการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงพลังงานจะมีแนวทางเพื่อบรรเทาผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุดในแต่ละกรณี
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรมฯได้เร่งบริหารจัดการในการเปลี่ยนผ่านการผลิตก๊าซฯแหล่งเอราวัณ ( G1/61) จากผู้รับสัมปทานรายเดิมสู่รายใหม่และเปลี่ยนแปลงระบบจากสัมทปทานสู่ ระบบแบ่งปันผลผลิต ที่จะเริ่มในปลายเดือน เม.ย. 65 เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้อย่างราบรื่นไม่ให้กระทบ การจัดหาก๊าซฯเพิ่มเติมจากแหล่งที่มีศักยภาพในประเทศ และแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ตลอดจนได้เร่งดำเนินการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 24 บริเวณทะเลอ่าวไทย เพื่อนำทรัพยากรปิโตรเลียมมาใช้ประโยชน์ให้เต็มที่และเพิ่มโอกาสในการพบแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ เป็นต้น