แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Instagram เปิดเผยรายงานแนวโน้มเทรนด์ปี 2564 (Trends Report 2022) โดยเป็นการทำความเข้าใจมุมมองของคนยุค Gen Z หรือคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 เพื่อให้เข้าใจมุมมองความคิดของกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ และสามารถทำธุรกิจหรือการตลาดรองรับผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ดีขึ้น
รายงานดังกล่าวซึ่งรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คน อายุระหว่าง 13 - 24 ปี ในสหรัฐ ได้สำรวจหมวดหมู่ใน 10 กลุ่ม ตั้งแต่ด้านแฟชั่น อาหาร เวลล์เนส ไปจนถึงการศึกษา ได้สรุปแนวโน้มตลาด 10 ด้าน ที่น่าสนใจเอาไว้ ดังนี้
1. แฟชั่นและความงาม (Fashion & Beauty)
แฟชั่นแบบจัดเต็ม (Maximalist) จะมาแรงในปีหน้า วัยรุ่นมากกว่า 50% จะลองแฟชั่นจัดหนักจัดเต็ม เช่น แนวดาร์กวินเทจ แบบ Dark Academia, Goblincore หรือ Nostalgic
สกินแคร์และเมคอัพแนว Clean Beauty ที่เน้นส่วนผสมธรรมชาติ ปลอดภัย ดูผิวสุขภาพดี จะมาแรงในปีหน้า
2. ช้อปปิ้ง (Shopping)
การช้อปปิ้งออนไลน์ และ ‘AR Shopping’ จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นบน Instagram โดยเฉพาะกับร้านช้อปปิ้งมือสอง ที่คนรุ่นใหม่เกือบ 1 ใน 4 ให้ความสำคัญกับเรื่องการใส่ซ้ำและความยั่งยืน และลด Fast Fashion ส่วนการช้อปออนไลน์ วัยรุ่น 27% จะเน้นที่การไถฟีดเพื่อเลือกสินค้ามากขึ้น
3. ดนตรีและการเต้น (Music & Dance)
เมื่อเพลงคือโซเชียลอย่างหนึ่งไปแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้เสียงเพลงจึงเป็น Visual ที่การออกแบบดีไซน์และกราฟฟิกต้องสวย น่าดึงดูด และมีการให้คำนิยมของ Short Video บน IG ว่าเป็นแหล่งค้นพบ ทำให้รู้จักเพลงและศิลปินใหม่ๆ ที่สำคัญก็คือ การดวล Dance Challenge จะมาแรง โดยวัยรุ่นถึง 1 ใน 3 คาดว่าจะได้เห็นการท้าทายนี้มากขึ้นในปีหน้า
4. เซเลบและครีเอเตอร์ (Celebrities & Creators)
อินฟลูเอ็นเซอร์นั้นมีอิทธิพลต่อโซเชียลอยู่แล้ว แต่วัยรุ่นถึง 83% ยังเชื่อว่า คอนเทนต์ครีเอเตอร์ จะขึ้นมามีอิทธิพลไม่แพ้กันด้วย และ 4 ใน 5 คนเชื่อว่า เซเลบทางออนไลน์และโซเชียลจะมีอิทธิพลมากกว่าเซเลบดั้งเดิม เช่น ดารานักแสดง กลุ่มวัยรุ่นได้รับอิทธิพลจากเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่เป็น Micro-Influencer ซึ่งมีเอ็นเกจเมนต์สูง บ่อยครั้งพอ ๆ กันกับที่เหล่าดาราที่เป็นที่รู้จัก เพราะโลกออนไลน์มีการเชื่อมต่อถึงกันกว้างขึ้น
5. อาชีพและการศึกษา (Career & Education)
90% ของเหล่า Gen-Z เชื่อว่า การศึกษาคือประการณ์จากชีวิตจริงมากกว่าในห้องเรียน และ 66% จะให้ความสำคัญกับใบปริญญาน้อยลง วัยรุ่น 87% เชื่อว่า มีคนมากเกินไปที่ต้องทำงานหลายจ๊อบเพื่อให้อยู่รอดได้ อีก 63% เห็นด้วยว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้มุมมองที่มีต่อเป้าหมายอาชีพเปลี่ยนไปด้วย และ 71% เชื่อว่า การได้ทำงานที่ชอบนั้นเป็นเรื่องที่ดีแม้จะได้เงินน้อยลงก็ตาม เพราะพวกเขาได้ทบทวนสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จ ในระบบและสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
6. อาหาร (Food)
หลังช่วงโควิดทำให้คนเจนใหม่ชอบที่จะทำอาหารอยู่ที่บ้านมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำเบเกอรี่ หรืออาหารแนว Home Cooking ก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลการแปลงสูตรมาจากคอนเทนต์ครีเอเตอร์บนโลกโซเชียลที่ติดตามกัน
วัยรุ่น 1 ใน 4 บอกว่าจะทดลองทำอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ เช่น อบขนมปัง และ 1 ใน 6 จะมองไปถึงการลองเอาวิทยาศาสตร์มาปรับเป็นอาหารโมเลกุล (molecular gastronomy) เลยทีเดียว
7. สุขภาพ (Wellness)
สุขภาพจิตสุขภาพใจ ‘Mental Health’ ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ หรือการออกไปใช้เวลากับตัวเองเพื่อรีชาร์จสำหรับวันใหม่
ในปีหน้า บ้านยังคงเป็นสถานที่หลักของการดูแลสุขภาพ แต่จะถูกยกระดับจากการออกกำลังกายที่บ้านไปเป็น Holistic Wellness หรือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คือดูแลทั้งกายและใจด้วย เช่น หากิจกรรมผ่อนคลายอย่างการวาดภาพ แต่งเพลง และแต่งบ้าน
8. เกม (Gaming)
เกมจะเปรียบเสมือนกับ ‘ห้าง’ มากขึ้น และเป็นแหล่งแฮงก์สำคัญ วัยรุ่น 1 ใน 5 คาดว่าจะได้เห็น VR Concert เป็นที่นิยมมากขึ้นในปีหน้า Gen Z 40% ที่คาดหวังว่าจะได้เห็นเทรนด์ของเกมมากขึ้น และ 3 ใน 10 คาดว่าจะลองไลฟ์สตรีมกับคนอื่นๆ ในเกมดู
ส่วนคนที่ไม่ได้เล่นเกมก็คาดหวังว่าจะมีแฟชั่นจากแบรนด์ต่างๆ หรือชุดคอสเพลย์สำหรับตัวอวตารในเกมให้ได้สนุกไปอีกทาง
9. มีม (Meme)
ยิ่งเจอกับช่วงเวลาและยุคสมัยที่ผันผวน ไม่แน่นอน คนเจน Z ก็ยิ่งให้ความสนใจกับ มีม เรียกว่าจะสุขหรือเศร้าเราก็ยังยิ้มได้เพราะมีม วัยรุ่นจะให้ความสนใจกับพวกมีมตลกเกินจริงแบบ absurdist humor ลดลงเหลือ 29% ในปีหน้า แต่จะชอบมีม Cryptocurrency มากขึ้นเป็น 32%
10. ความยุติธรรมในสังคม (Social Justice)
ความเป็นธรรมในสังคม คือสิ่งที่มีพลวัตรมากที่สุดต่อผู้ใช้โซเชียล มีการติดตามแอคเคาท์ที่เกี่ยวกับความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอคเคาท์ที่เกียวกับสังคม หรือการเมือง ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เหล่า Gen-Z ให้ความสำคัญ ในปี 2021 มีคนเจน Z ติดตามแอคเคาท์เหล่านี้ถึง 51% และเทรนด์นี้ก็จะยังไม่แผ่วลงในปีหน้า คนรุ่นใหม่พร้อมที่จะสนับสนุนเงินมากขึ้น 37% ในปีหน้า จาก 32% ในปีนี้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น