กระทรวงการคลัง ออกมาตรการภาษีเพื่อจูงใจแรงงานไทยทักษะสูงในต่างประเทศกลับมาทำงานในไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้เหลือไม่เกิน 17% ของเงินได้ นาน 5 ปี พร้อมเปิดให้นายจ้างหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า
ปัญหา ‘สมองไหล’ (brain drain) หรือการที่แรงงานทักษะสูงย้ายออกไปทำงานต่างประเทศ เป็นปัญหาสำคัญของประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่แรงงานหัวกะทินิยมออกไปทำงานในต่างประเทศมากกว่า เพราะได้ค่าตอบแทนที่มากกว่าการทำงานในไทย รวมถึงได้ประโยชน์จากสวัสดิการทางสังคมในประเทศปลายทาง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ โดยเฉพาะบุคลากรที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญในการพัฒนาประเทศและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
มาตรการดังกล่าวมุ่งจูงใจให้แรงงานไทยที่ทำงานต่างประเทศเกิน 2 ปี โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 15 อุตสาหกรรม กลับมาทำงานในไทย โดยแรงงานที่มีคุณสมบัติตรงกำหนดสามารถลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายเหลืออัตรา 17% ของเงินได้ เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2572
นอกจากนี้ มาตรการภาษีนี้ยังมุ่งจูงใจให้บริษัทต่างๆ รับแรงงานกลุ่มนี้เข้าทำงาน ด้วยการเปิดให้นายจ้างสามารถหักรายจ่ายที่จ่ายเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานของลูกจ้างได้จำนวน 1.5 เท่า
ในเบื้องต้น รัฐบาลคาดว่ามาตรการนี้จะดึงดูดแรงงานหัวกะทิกลับไทยได้อย่างน้อย 500 คน และทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีไปประมาณ 120 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ที่ใช้มาตรการภาษีดังกล่าว
ลูกจ้างที่มีคุณสมบัติตามกำหนด สามารถลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายเหลืออัตรา 17% ของเงินได้ ที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยเมื่อผู้มีเงินได้คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนดแล้วต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า 17% ของเงินได้ โดยต้องเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สามารถหักรายจ่ายที่จ่ายเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานของลูกจ้าง ได้จำนวน 1.5 เท่า
ในกรณี ‘ผู้มีเงินได้’ หรือ ‘ลูกจ้าง’ ผู้เข้าร่วมมาตรการจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ในกรณี ‘บริษัท’ และ ‘ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล’ หรือ ‘นายจ้าง’ ผู้เข้าร่วมมาตรการจะต้องเป็นกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 15 อุตสาหกรรม ได้แก่
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสงค์จะใช้สิทธิต้องแจ้งรายละเอียดของผู้มีเงินได้ที่เป็นลูกจ้างซึ่งจะใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยต้องมีข้อความและเอกสารประกอบอย่างน้อยตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดผ่านสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ภายในวันสุดท้ายของปีภาษีแรกที่ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา