ชาวอีสานเฮ คณะรัฐมนตรีไฟเขียว มีมติอนุมัติให้มีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ในวงเงินถึง 29,748 ล้านบาท จำนวนทั้งหมด 14 สถานี ระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร หวังใช้เป็นทางเชื่อมส่งสินค้าจากภาคตะวันออกและอีสานสู่ลาวและจีน คาดใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี
วันที่ 16 ต.ค. นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ตามการเสนอของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ ขนาดความกว้างของราง 1 เมตร ขนานไปกับเส้นทางรถไฟเดิม
จากข้อมูลของ รฟท. รถไฟทางคู่สายนี้จะมีระยะทาง 167 กม. ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปี และใช้วงเงินงบประมาณ 29,748 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างที่ปรึกษา สำรวจอสังหาริมทรัพย์ราว 9 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 369 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาจัดการประกวดราคาประมาณ 7 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 28,759 ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้าง 604 ล้านบาท
โดยเส้นทางของรถไฟสายนี้จะแล่นผ่านสามจังหวัดคือ ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย มีจำนวนสถานีทั้งสิ้น 14 สถานี โดยเป็นการก่อสร้างสถานีรถไฟใหม่จำนวน 6 สถานี และปรับปรุงสถานีรถไฟเดิมจำนวน 8 สถานีมีที่หยุดรถจำนวน 4 แห่ง
ส่วนแหล่งเงินทุนนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในโครงการ โดยให้สำนักงบประมาณ (สป.) จัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศตามความเหมาะสม
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น – หนองคาย เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในแผนงาน 1 การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง (การพัฒนาระบบรถไฟรางคู่) ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง รองรับจำนวนผู้โดยสารและปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ลดระยะเวลาและต้นทุนการโดยสารและการขนส่งสินค้า และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ลดมลพิษ และประหยัดการใช้พลังงานของประเทศได้ในระยะยาว
ดังนั้น รถไฟสายนี้จึงถือได้ว่าเป็นทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ที่จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนการเชื่อมต่อเส้นทางหนองคาย – นครราชสีมา – สระบุรี – ฉะเชิงเทรา – แหลมฉบัง – มาบตาพุด ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของไทยเป็นไปได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการฯ มีแผนงานจะเปิดให้บริการประชาชนในปี 2570 และเริ่มการก่อสร้างในปี 2567 โดยคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวนประมาณ 3,500 คนต่อวัน ในปี 2569 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 คนต่อวัน ในปี 2599 และมีปริมาณการขนส่งสินค้าโดยใช้เส้นทางรถไฟช่วงนี้จำนวนประมาณ 3.50 ล้านตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2569 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4.20 ล้านตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2599