จับตา“Silver Spenders” คนวัย50+ครองเกมกำลังซื้อ เปิดโอกาสธุรกิจยุคใหม่
กำลังซื้อของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรและทั่วโลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบทบาทของกลุ่มคนอายุเกิน 50 ปี ที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่ในเชิงจำนวนตามโครงสร้างประชากรสูงวัยเท่านั้น แต่ยังสะสมความมั่งคั่งและพลังการใช้จ่ายไว้ในมือมากขึ้น จนเริ่มมีอิทธิพลต่อทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างจริงจัง จากภาพเดิมที่คนวัยนี้มักถูกมองว่าใช้เงินอย่างระมัดระวังและเน้นเก็บออมเป็นหลัก วันนี้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยกลับมองว่า พวกเขากำลังกลายเป็น “แรงขับเคลื่อนสำคัญ” ของการเติบโตในหลายอุตสาหกรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักลงทุนอธิบายว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับการที่คนวัย 50+ จำนวนมากเริ่มเข้าคุมทรัพย์สินและฐานะทางการเงินของตัวเองอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่ยังมีอยู่ เงินบำนาญ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในอดีต
เมื่อภาระหนี้ค่อย ๆ ลดลงและสถานะการเงินมั่นคงขึ้น กลุ่มนี้จึงถูกเรียกขานว่า “Silver Spenders” หรือ “Grey Pound” และถูกมองว่าเป็น “Idle Rich” รุ่นใหม่ ที่พร้อมควักกระเป๋าใช้จ่ายกับสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อม ๆ กับเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
อำนาจการใช้จ่ายของ “Silver Spenders” ที่กำลังขยายตัว
แดน โคตส์เวิร์ธ หัวหน้าฝ่ายตลาดของ AJ Bell มองว่า กลุ่มประชากรอังกฤษอายุเกิน 50 ปีกำลังกลายเป็นกลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลมากขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคการบริโภค เพราะผู้ที่ยังทำงานอยู่มักอยู่ในช่วงปลายของเส้นทางอาชีพ ทำให้นอกจากจะมีรายได้สูงแล้ว ยังปลอดภาระหนี้ ไม่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเหลือ และมีเงินสดเหลือใช้จำนวนมาก
นอกจากนี้ หลังจากทำงานหนักต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ กลุ่มคนอายุมากกว่า 50 ปี หลายคนก็รู้สึกว่าในตอนนี้ถึงเวลาที่จะ “ใช้เงินให้กับตัวเอง” แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อาหารระดับพรีเมียม รถยนต์หรู หรือการปรับปรุงที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ผู้ที่เกษียณแล้วจำนวนไม่น้อยอยู่ในรุ่นที่ได้รับบำนาญแบบผลประโยชน์กำหนด ซึ่งให้รายได้สม่ำเสมอและค่อนข้างมาก ทำให้สามารถดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบายและฟุ่มเฟือยกว่าคนรุ่นหลัง
โคตส์เวิร์ธมองว่า เมื่อก้าวมาถึงระดับความมั่งคั่งเช่นนี้ คนวัยเกิน 50 ปีจะให้ความสำคัญอย่างมากกับการปกป้องทรัพย์สินจากภาระภาษี จึงหันไปพึ่งคำแนะนำด้านภาษี การลงทุน และการวางแผนการเงินอย่างจริงจังมากขึ้น ขณะเดียวกัน รูปแบบการใช้จ่ายของกลุ่มนี้ก็ชัดเจนว่าเอนเอียงไปทาง “ประสบการณ์และคุณภาพชีวิต” มากกว่าสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว มื้ออาหารดี ๆ ผลิตภัณฑ์ความงาม สุขภาพ ไปจนถึงการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหมวดใช้จ่ายที่ยังมีพื้นที่ให้เติบโตและ “ต่อยอดการใช้เงินได้อีกยาว”
เมื่อการทบต้นสินทรัพย์เปิดประตูสู่โอกาสลงทุน
ทั้งนี้ อาลิกซ์ วูด ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Kernow Asset Management มองว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของกลุ่มประชากรอายุเกิน 50 ปี ไม่ได้เป็นเหมือนกันทั้งหมด หากสามารถแยกออกได้อย่างชัดเจนอย่างน้อยสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ที่รูปแบบชีวิตยังคง “ธรรมดาและค่อนข้างตึงมือ” ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งกลับสามารถต่อยอดและทบต้นสินทรัพย์ได้อย่างโดดเด่น จนก้าวขึ้นมาเป็นฐานลูกค้าที่ทั้งมั่งคั่งและมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจสูง
สำหรับกลุ่มที่มั่งคั่งกว่า วูดชี้ว่า พวกเขากำลังสร้างความต้องการด้านสินค้าลักชัวรีและบริการระดับไฮเอนด์ในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งแต่การบริหารความมั่งคั่งแบบเฉพาะบุคคล ไปจนถึงประกันภัยระดับพรีเมียม ที่ไม่ได้ขายแค่ความคุ้มครองหรือผลตอบแทนเชิงรับแบบเดิม ๆ แต่ต้องมี “เนื้อหา เรื่องราว และคุณค่า” ที่ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงและมีส่วนร่วมกับการลงทุน
วูดประเมินว่า บริษัทประกันอย่าง Hiscox รวมถึงผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่งเอกชนอย่าง Evelyn Partners มีแนวโน้มได้อานิสงส์โดยตรงจากพฤติกรรมนี้ ท่ามกลางกระแสที่ธนาคารรายใหญ่อย่าง NatWest และ Barclays เริ่มหวนกลับมาเดินหน้าซื้อกิจการในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งอีกครั้ง หลังกลุ่มทุนเอกชนทยอยมองหาจังหวะถอนการลงทุนจากสินทรัพย์เดิม
วูดเปิดเผยด้วยว่า เขาถือหุ้น Saga plc ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะทางสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนค่อนข้างมาก เพราะมองว่าธุรกิจท่องเที่ยวและประกันที่โฟกัสลูกค้าอายุเกิน 50 ปีรายนี้ คือการลงทุนที่เดิมพันกับพลังของ “Silver Pound” โดยตรง
เขาประเมินว่า ผู้บริโภคที่เข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “ช่วงปี Saga” จะมีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงถึงราว 60% ของการใช้จ่ายผู้บริโภคทั้งหมดในสหราชอาณาจักรภายในปี 2573 และในมุมของเขา หุ้น Saga ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นราว 10% ของพอร์ต ยังถูกตลาดประเมินมูลค่าต่ำกว่าศักยภาพมาก มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นได้อีกหลายเท่าตัวในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ วูดยังมองว่า บริษัทอย่าง Pets At Home ผู้ค้าปลีกสินค้าและอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง มีโอกาสเป็นผู้ได้ประโยชน์ในระยะยาวจากพฤติกรรมผู้บริโภคสูงวัย ที่หันมาใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุตรหลานลง ซึ่งสอดรับกับมุมมองของโคตส์เวิร์ธที่ประเมินว่า ภาคการดูแลสุขภาพ บ้านพักคนชรา โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้เกษียณ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้ให้บริการทางการแพทย์เป็นผู้เช่า มีแนวโน้มจะกลายเป็น “ผู้ชนะ” จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ภายใต้ภาพรวมเช่นนี้ เทรนด์ Silver Spenders จึงไม่ใช่แค่กระแสการใช้จ่ายที่มาแล้วก็ไป หากแต่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวเป็นฐานรากใหม่ของเศรษฐกิจผู้บริโภคอังกฤษและโลกในระยะยาว และมีแนวโน้มกำหนดทิศทางการเติบโตของหลายอุตสาหกรรมต่อจากนี้
