
เช้าวันนี้ (15 ธันวาคม) ศาลฮ่องกงได้ตัดสินว่านายจิมมี ไหล มหาเศรษฐีและนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง มีความผิดข้อหาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของจีน นับเป็นข้อหาร้ายแรงที่ระบุว่า เขาสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ และอาจได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ คำตัดสินที่ออกมาเช้าวันนี้ เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ รัฐบาลจีนถูกมองว่า ต้องการจำกัดเสรีภาพสื่อและปราบปรามการลุกฮือของประชาชนชาวฮ่องกงไม่ให้มีการประท้วงใหญ่อีกในอนาคต
ชายชาวฮ่องกงวัย 78 ปีคนนี้ ได้รับฉายาว่าเป็นทั้งแกนนำประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะเดียวกันก็เป็น เจ้าพ่อวงการสื่อฮ่องกง เจ้าของหนังสือพิมพ์หัวรุนแรง อภิมหาเศรษฐี อดีตเจ้าของแบรนด์แฟชั่นยืนหนึ่งในเอเชีย แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นชีวิตด้วยต้นทุนไม่สูงนักในฐานะ ‘แรงงานเด็ก’
Spotlight รวบรวมข้อมูลทางการเงินของจิมมี ไหล ชาวฮ่องกงที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และเป็นคนที่รัฐบาลจีนเกรงกลัวหนักหนา ถึงขั้นตราหน้าว่าเขาอยากให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนล่มสลาย เขาร่ำรวยขนาดไหน? ร่ำรวยจากธุรกิจอะไร? ก่อนที่ทางการจะอายัดทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของเขาและสั่งปิดบริษัท และท้ายที่สุดต้องแพ้ให้กับอำนาจเผด็จการของจีน
เรื่องราวการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของฮ่องกง จิมมี ไหล เริ่มต้นเส้นทางด้วยการเป็นเด็กจน ๆ คนหนึ่ง เขาจำต้องลี้ภัยจากจีนแผ่นดินใหญ่ในสมัยของเหมา เจ๋อ ตุง ไปยังฮ่องกง ในวัยเพียง 12 ปี เขาทำงานเป็นแรงงานเด็กในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ก่อนที่จะสร้างอาณาจักรธุรกิจ Fast Fashion ภายใต้แบรนด์เสื้อผ้า Giordano
Giordano ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงในปี 1981 เน้นการผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นพื้นฐาน เช่น เสื้อยืดและยีนส์ ที่มีความเรียบง่าย คุณภาพดี และใช้งานได้จริง ภายในเวลาเพียง 10 ปีหลังจากนั้น Giordano ประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 1991 ซึ่งช่วยเร่งการขยายธุรกิจให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมีการขยายเครือข่ายร้านค้าอย่างกว้างขวาง โดยมีสาขามากกว่า 2,100 - 2,600 สาขา ในกว่า 30 ประเทศ ครอบคลุมทั่วเอเชีย รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน อินโดนีเซีย และประเทศไทย อีกทั้งยังขยายไปยังตะวันออกกลาง
ความสำเร็จทางธุรกิจหลายอย่างของนายไหลมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของฮ่องกงและการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในจีน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่สนใจการเมืองมาโดยตลอดก็ตาม แต่หลังจากที่กองทัพจีนสังหารหมู่นักศึกษาผู้ประท้วงในจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1989 ไหลก็เริ่มมีแนวคิดทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น และเริ่มก้าวเข้าสู่อาณาจักรสื่อ โดยก่อตั้งนิตยสาร Next Magazine ในปี 1990
จุดแตกหักเกิดขึ้นในปี 1994 เมื่อเขาได้เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวถ้อยคำที่รุนแรงต่อนายกรัฐมนตรีหลี่ เผิง ของจีนในขณะนั้น โดยกล่าวว่า "ให้ไปตายซะ" และในปีเดียวกันนั้นเอง นายจิมมี ไหล เริ่มทยอยขายหุ้นส่วนใหญ่ใน Giordano และถอนตัวออกจากธุรกิจระหว่างช่วงปี 1994 ถึง 1996 โดยเขาได้ขายหุ้นทั้งหมดของเขาออกไปภายในปี 1996 เพื่อลดความเสี่ยงทางการเมืองต่อธุรกิจค้าปลีก
หุ้นที่เหลืออยู่ครั้งสุดท้าย เป็นการเทขายทั้งหมด 27% โดย Bloomberg ประเมินไว้ว่า เขาน่าจะทำเงินได้ไม่ต่ำกว่า 187 ล้านถึง 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขายหุ้นในบริษัทเสื้อผ้า Giordano และหลังจากนั้น เขาได้นำเงินทุนจากการขายมาทุ่มเทให้กับธุรกิจสื่ออย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Apple Daily และใช้สื่อในมือที่เขามีต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองและประชาธิปไตยของฮ่องกง
เขากล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า “เพราะถ้าคุณมีแต่เงิน คุณจะสูญเสียความหมาย สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสียทุกอย่างในฐานะมนุษย์”
หนังสือพิมพ์ Apple Daily ประสบความสำเร็จในทันที ภายในสองเดือนก็กลายเป็นหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมือง เกรซ เหลียง อดีตศาสตราจารย์ด้านสื่อสารมวลชนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่า การนำเสนอข่าวที่แหวกแนวและมีสีสันของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็น "การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่สำหรับวงการสื่อสารมวลชนทั้งหมด"
การจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ในปี 2008 จิมมี ไหล ติดอันดับ 40 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ต่อมา จากข้อมูลชีวประวัติที่เขียนโดยมาร์ค คลิฟฟอร์ด เพื่อนสนิทและผู้ร่วมงานของนายไหล ระบุว่า ณ เวลาที่เขาถูกจับกุมครั้งแรกในปี 2020 เขามีทรัพย์สินประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีจำนวนมาก
ชีวิตของไหลเป็นเหมือนพอร์ตโฟลิโอของกิจการระหว่างประเทศ เขามีบ้านพักในฮ่องกง ลอนดอน ปารีส ไทเป และเกียวโต และมีรายงานว่า เขาใช้เงิน 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อกลุ่มโรงแรมหรูในไนแอการา-ออน-เดอะ-เลค ประเทศแคนาดา ซึ่งบริหารงานโดยน้องสาวฝาแฝดของเขา และธุรกิจของเขาก็เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับอาณาจักรสื่อของเขามาอย่างยาวนาน
แต่เขาเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของฮ่องกงเพียงไม่กี่คนที่ใช้พลังอำนาจและความมั่งคั่งของตนเพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้ทุนสนับสนุนและมีส่วนร่วมในความพยายามส่งเสริมประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ ในที่สุด ทรัพย์สินและหุ้นของเขาในบริษัทสื่อ Next Digital ถูกอายัดในปี 2021 ส่งผลให้กระแสเงินสด ถูกตัดขาดและนำไปสู่การปิดตัวลงในที่สุด
หลังจากการตัดสินคดีความที่ใช้เวลามาอย่างยาวนานถึง 2 ปีกว่า ศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงในข้อหาตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ 2 ข้อหา และข้อหายุยงปลุกปั่นที่โทษเบากว่าอีก 1 ข้อหา ผู้พิพากษากล่าวว่า พวกเขาจะประกาศวันกำหนดโทษในภายหลัง การสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติมีโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิตภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ที่หลายฝ่ายรับรู้กันว่าเป็นกฎหมายที่สร้างขึ้นมาเพื่อปราบปรามผู้ประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงโดยเฉพาะ