
สกุลเงินหยวนของจีนมีแนวโน้มที่จะผ่านระดับ 7.0 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ด้วยแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และความตึงเครียดทางการค้าที่เริ่มผ่อนคลายลง ขณะที่นักลงทุนบางรายคาดการณ์ว่า หยวนอาจแข็งค่าขึ้นไปถึงระดับ 6.8 ต่อดอลลาร์
นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ตลาดมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น บางคนชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลง และยังชี้ว่า จีนมีมาตรการสนับสนุนที่ช่วยพยุงเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกอีกด้วย
กวน เทา อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานกำกับดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของจีนมองว่า ปัจจัยสำคัญคือ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ FED, ความสัมพันธ์ทางการค้าจีนและสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
คำให้สัมภาษณ์ของกวน เทา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมากับหนังสือพิมพ์ National Business Daily ระบุว่า การกระทำหลายอย่างของรัฐบาลสหรัฐฯ ดึงความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดลง
ความเคลื่อนไหวของตลาดสะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไว้แล้ว โดยค่าเงินหยวนนอกประเทศช่วงบ่ายวันจันทร์ (15 ธันวาคม 68) อยู่ที่ 7.048 ต่อดอลลาร์สหรัฐ และธนาคารประชาชนจีน (People’s Bank of China) ได้กำหนดอัตรากลางของหยวนไว้ที่ 7.0656 ต่อดอลลาร์สหรัฐในเช้าวันจันทร์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างแข็ง เมื่อปีที่ผ่านมา
แบงก์ออฟอเมริกา (BofA) คาดการณ์ว่า ค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นอีก ถึงระดับ 6.8 ต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2026 โดยอ้างถึงรายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาของสำนักข่าวการเงิน Cailian Press ซึ่งตั้งอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ที่กล่าวถึงการกำหนดอัตรากลางรายวันที่มีเสถียรภาพ มาตรการกระตุ้นนโยบาย และกระแสเงินทุนไหลเข้า
ในทิศทางเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์หัวไท่ (Huatai Securities) ได้คาดการณ์ว่าค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 6.82 ต่อดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีหน้า ตามบันทึกวิเคราะห์ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้
ครั้งล่าสุดที่ค่าเงินหยวนนอกประเทศแข็งค่าต่ำกว่าระดับ 7.0 ต่อดอลลาร์สหรัฐ คือในเดือนกันยายน ปี 2024 ตามข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงิน Wind