ไทยกำลังเผชิญกระแสสินค้าราคาถูกจากจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาด ยอดนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 พุ่งสูงถึง 22.6% YoY สูงสุดในอาเซียน โดยแม้จะช่วยกระตุ้นการค้าและสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค แต่ก็เป็นบททดสอบหนักสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องรับมือการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น จากกลยุทธ์ของจีนที่เร่งเบนเข็มหาตลาดใหม่แทนสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่เข้มงวดมากขึ้น
ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า การส่งออกของจีนในเดือนกรกฎาคม 2568 เติบโตดีกว่าที่คาดการณ์ ขยายตัว 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งขยายตัวแข็งแกร่งถึง 16.6% YoY แม้การส่งออกไปสหรัฐฯ จะยังคงหดตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ -21.7% YoY จาก -16.1% YoY ในเดือนก่อนหน้า
การขยายตัวของการค้ากับอาเซียนในเดือนกรกฎาคม ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งส่งออกของจีนก่อนที่อัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2568 ส่งผลให้จีนสามารถรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ขณะเดียวกัน การนำเข้าของจีนในเดือนกรกฎาคมยังขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน อยู่ที่ 4.4% YoY แม้ดุลการค้าของจีนยังคงเกินดุล แต่ตัวเลขเกินดุลลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้จีนยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่ระดับการเกินดุลกลับลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการเข้มงวดของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศมีทิศทางชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกจีนไปสหรัฐฯ หดตัวถึง -12.6% YoY ขณะที่การส่งออกไปอาเซียนเร่งตัวขึ้น 13.5% YoY โดยไทยกลายเป็นตลาดนำเข้าสินค้าจากจีนมากที่สุดในภูมิภาค ขยายตัวสูงถึง 22.6% YoY รองลงมาคือเวียดนามที่ 20.7% YoY สะท้อนถึงการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกจากจีน โดยเฉพาะหมวดเครื่องแต่งกาย ของใช้ส่วนตัว และของตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการแข่งขันสูงและกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในประเทศ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การส่งออกของจีนในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มชะลอลงจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่
ในภาพรวม การส่งออกของจีนในเดือนกรกฎาคมที่เติบโตเกินคาด มาจากแรงหนุนของตลาดอาเซียนเป็นหลัก แสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์ของจีนในการหาตลาดทดแทนเพื่อลดผลกระทบจากตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การที่ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าจากจีนมากที่สุดในภูมิภาคทำให้แม้ไทยจะได้ประโยชน์จากปริมาณการค้าสูงขึ้น แต่ก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันกับสินค้าราคาถูก โดยเฉพาะในหมวดสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่อการแข่งขันด้านราคาในประเทศอย่างชัดเจน