Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยเร่งล้างบางสินค้าสวมสิทธิ์หนีภาษี 40% local contentคาดต้อง50%ขึ้นไป
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไทยเร่งล้างบางสินค้าสวมสิทธิ์หนีภาษี 40% local contentคาดต้อง50%ขึ้นไป

4 ส.ค. 68
16:15 น.
แชร์

วันที่ 4 สิงหาคม 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากไทยและสหรัฐอเมริกาบรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เหลือ 19% สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการต่อคือการเจรจาเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) โดยเฉพาะปัญหา "สินค้าสวมสิทธิ์ผ่านทาง" (transshipment) ซึ่งสหรัฐฯ แสดงความกังวลสูง โดยระบุว่าหากพบว่าสินค้าใดเป็นสินค้าสวมสิทธิ์ สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้านั้นๆ ถึง 40%

เพื่อรองรับข้อกังวลนี้ นายจุลพันธ์ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบแหล่งกำเนิดของสินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าที่จะนำมาประกอบในประเทศก่อนส่งออก เพื่อป้องกันการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยต้องการแก้ไขมาโดยตลอด ทั้งยังสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ด้านความโปร่งใสและการยกระดับดัชนี Ease of Doing Business

ข้อตกลงภาษีดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 และจะถูกส่งต่อให้รัฐสภาพิจารณาตามขั้นตอนของข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยนายจุลพันธ์ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความกังวล แม้อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำ เพราะถือเป็นกระบวนการปกติที่ต้องดำเนินการเพื่อความโปร่งใส และการได้รับความเห็นชอบจากสภาจะยิ่งเป็นผลดีต่อความชอบธรรมของข้อตกลง

สำหรับผลกระทบต่อรายได้ภาครัฐจากการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ นายจุลพันธ์ยอมรับว่า ยังไม่มีการประเมินตัวเลขรายได้ที่หายไปอย่างชัดเจน แต่ไม่ควรพิจารณาเพียงด้านลบ เพราะข้อตกลงนี้จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถจัดเก็บภาษีประเภทอื่นมากขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

คลัง-ศุลกากรจับมือสหรัฐฯ ตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ์ 65 รายการ เตรียมเคาะ RVC 50%

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หนึ่งในประเด็นที่ไทยจะต้องเจรจากับสหรัฐฯ ต่อจากนี้ คือการกำหนดเกณฑ์ “Regional Value Content” หรือ RVC ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 50% โดยคิดจากมูลค่าส่วนประกอบหรือวัตถุดิบที่ผลิตภายในประเทศ และรวมประเทศพันธมิตรของไทยที่มีข้อตกลงร่วม ยกเว้นประเทศจีนซึ่งยังไม่บรรลุข้อตกลงด้านภาษีกับสหรัฐฯ

ในเรื่องนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้จัดส่งรายชื่อสินค้าเฝ้าระวังจำนวน 65 รายการให้ไทยผ่านกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อให้ไทยช่วยตรวจสอบว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ นั้น มีที่มาจากการผลิตหรือประกอบในประเทศไทยจริง และมีสัดส่วนวัตถุดิบในประเทศตรงตามเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้

หนึ่งในกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ กังวลเป็นพิเศษคือ “แผงโซลาร์เซลล์” ซึ่งอาจมีการนำเข้าจากจีนแล้วนำมาประกอบในไทยเพียงเล็กน้อยก่อนส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯ กังวลว่าสินค้าเหล่านี้อาจหลีกเลี่ยงมาตรการทางภาษีอย่างไม่เหมาะสม

กรมศุลกากรจะดำเนินการเสริมสร้างกลไกการตรวจจับ (monitor) และระบบการกำกับดูแลสินค้าให้เข้มข้นขึ้น โดยปัญหาเดิมคือไทยเคยเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อจูงใจการลงทุน แต่ในสถานการณ์ใหม่จำเป็นต้องปรับแนวทางให้รัดกุมและรอบคอบมากขึ้น พร้อมยืนยันว่า ไทยจะวางกรอบเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินงาน และรายละเอียดทั้งหมดจะถูกระบุในข้อตกลงทางการค้าฉบับเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างร่างรายละเอียด

นายธีรัชย์ยังกล่าวว่า มาตรฐานทั่วไปของการกำหนดสัดส่วนวัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) ที่ใช้ในการเจรจาการค้าจะไม่ต่ำกว่า 40% และสามารถรวมวัตถุดิบหรือกระบวนการผลิตจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาเป็น local content ได้ด้วย ทั้งนี้เกณฑ์เหล่านี้สามารถปรับยืดหยุ่นได้ตามแต่บริบทของแต่ละประเทศคู่ภาคี และถือเป็นหลักพื้นฐานในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางการค้า

เขาย้ำว่า การดำเนินการที่ไทยทำร่วมกับสหรัฐฯ ในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ และควรจำกัดอยู่เฉพาะในกรอบของความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น ไม่ควรนำไปใช้เป็นแนวทางในความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่น เพราะการทำ FTA ควรอิงอยู่บนหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งมีความเป็นสากลและเท่าเทียมมากกว่า

ในช่วงสุดท้าย นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดตลาดนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ และไม่มีแผนเจรจาในประเด็นดังกล่าวในอนาคต โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดอย่างเป็นทางการ และยังไม่ได้มีการชี้แจงต่อเกษตรกร เนื่องจากการเปิดตลาดเนื้อสุกรยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงในรอบนี้

เขายืนยันว่า “ยังไม่มีใครเห็นว่าไทยเปิดตลาดในเรื่องนี้ และยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าไทยจะเปิดให้อย่างไรบ้าง” พร้อมระบุว่าความห่วงกังวลจากภาคเกษตรกรเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และรัฐบาลพร้อมรับฟัง แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ในประเด็นนี้

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ข้อตกลงภาษีไทย-สหรัฐฯ ไม่ได้จบลงเพียงเรื่องอัตราภาษีนำเข้า 19% แต่เป็นการเปิดพื้นที่สู่การปรับโครงสร้างมาตรฐานการค้าระหว่างประเทศของไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านการควบคุมแหล่งกำเนิดสินค้า การยกระดับระบบศุลกากร และการรักษาความน่าเชื่อถือทางการค้าบนเวทีโลก

แชร์
ไทยเร่งล้างบางสินค้าสวมสิทธิ์หนีภาษี 40% local contentคาดต้อง50%ขึ้นไป