เวียดนามแก้ไขกฎหมายสัญชาติครั้งสำคัญ เพื่อให้ชาวเวียดนามในต่างประเทศและชาวต่างชาติสามารถถือสองสัญชาติได้ง่ายขึ้น โดยยกเลิกข้อกำหนดด้านความสามารถทางภาษาและระยะเวลาการพำนัก ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปรอบใหญ่ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้า ทั้งด้านกฎหมาย ระบบราชการ และการลงทุน เพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ในการทบทวนกฎหมายครั้งนี้ รัฐบาลยังได้ปรับกฎเกี่ยวกับการตั้งชื่อ เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถขอสัญชาติเวียดนามได้สะดวกขึ้น พร้อมเดินหน้า “มติที่ 57” ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเตรียมออก “กลไกพิเศษ” เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญและชาวเวียดนามในต่างประเทศให้กลับมาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศ พร้อมเสนอสิทธิประโยชน์ที่ชัดเจน เช่น การให้สัญชาติ สิทธิถือครองที่อยู่อาศัย รายได้แข่งขันได้ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการ ทหาร และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังคงต้องถือสัญชาติเวียดนามเพียงสัญชาติเดียว ยกเว้นบางกรณีพิเศษ
การแก้ไขกฎหมายสัญชาติครั้งล่าสุดถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุทธศาสตร์ระยะยาวที่เวียดนามมุ่งใช้ดึงดูดชาวเวียดนามในต่างประเทศและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเงิน ซึ่งหลายคนทำงานอยู่ในบริษัทชั้นนำ เช่น Google, Meta, IBM และ Microsoft
เมื่อเดือนเมษายน รัฐบาลเวียดนามระบุผ่านบทความในเว็บไซต์ข่าวว่า “การแก้ไขกฎหมายสัญชาติครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการคลายข้อจำกัดทางกฎหมาย เปิดโอกาสในการดึงดูดทรัพยากรที่มีคุณค่าจากชุมชนชาวเวียดนามในต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการเงิน เพื่อร่วมพัฒนาประเทศในยุคใหม่”
นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ นายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และผู้นำสูงสุดของเวียดนาม ยังได้ออกมากล่าวเรียกร้องว่า “ข้าพเจ้าขอเชิญชวนชาวเวียดนามในต่างแดนหันกลับมาสู่มาตุภูมิ หวนคืนสู่รากเหง้าของชาติ ร่วมสร้างเครือข่าย ช่วยเหลือกัน และร่วมกับพี่น้องในประเทศสร้างเวียดนามที่เข้มแข็ง”
“มาตุภูมิพร้อมเปิดอ้อมแขนต้อนรับ ‘พลเมืองที่อยู่ไกลบ้าน’ ให้กลับมาร่วมสร้างและพัฒนาประเทศไปด้วยกัน” นายโต เลิม กล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ
ในอดีต เวียดนามอนุญาตการถือสองสัญชาติเฉพาะกรณีพิเศษ เช่น นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหรือนักกีฬาระดับชาติ ทำให้จนถึงเดือนมีนาคม 2568 มีเพียง 60 คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว สะท้อนถึงความระมัดระวังด้านความมั่นคงที่สืบเนื่องจากประวัติศาสตร์การถูกรุกราน โดยในตลอดศตวรรษที่ผ่านมา เวียดนามเคยทำสงครามกับฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา กัมพูชา และจีน และเพิ่งกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวเมื่อ 50 ปีก่อน
ในอีกด้านหนึ่ง ครอบครัวชาวเวียดนามจำนวนมากนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และยุโรป คนรุ่นใหม่เหล่านี้จำนวนไม่น้อยเลือกที่จะทำงานในต่างแดนในระยะยาว โดยเฉพาะในบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Google, Meta, IBM และ Microsoft หลายคนทำงานในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเงิน และบางส่วนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานถาวรในที่สุด
ปัจจุบัน ชาวเวียดนามในต่างแดนมีจำนวนราว 6 ล้านคนกระจายอยู่ในกว่า 130 ประเทศ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ถือสองสัญชาติยังเผชิญข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ขั้นตอนเอกสารที่ซับซ้อน สิทธิในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่เทียบเท่าประชาชนในประเทศ และข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงิน
ทั้งนี้ เวียดนามตั้งเป้าให้ GDP ขยายตัว 8% ในปี 2568 และวางแผนผลักดันการเติบโตระดับสองหลักในระยะยาว โดยตั้งเป้าสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2588 พร้อมชูเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ