Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สหรัฐฯ เริ่มรีไซเคิลแร่หายาก หวังลดพึ่งจีน แต่ระยะสั้นยังต้องง้อ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

สหรัฐฯ เริ่มรีไซเคิลแร่หายาก หวังลดพึ่งจีน แต่ระยะสั้นยังต้องง้อ

29 พ.ค. 68
14:29 น.
แชร์

ท่ามกลางกระแสความตึงเครียดทางการค้าและการกำหนดนโยบายอุตสาหกรรมระดับโลก จีนได้ยกระดับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีขั้นสูง และการป้องกันประเทศ 

การเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้ชาติตะวันตกเร่งปรับตัว ลดการพึ่งพาจีน ผ่านหลากหลายแนวทาง อาทิ การแสวงหาแหล่งวัตถุดิบทางเลือก การพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดความต้องการใช้แร่หายาก ตลอดจนการรีไซเคิลวัสดุจากผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุการใช้งาน

ในเดือนกันยายน 2024 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลงทุน 4.2 ล้านดอลลาร์ในบริษัท Rare Earth Salts ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มุ่งสกัดสารออกไซด์ของแร่หายากจากวัสดุรีไซเคิลภายในประเทศ เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ขณะเดียวกัน โตโยต้า บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นก็ได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการพึ่งพาแร่หายากในผลิตภัณฑ์ของตน

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกกำลังเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

คริสโตเฟอร์ เอคเคิลสโตน นักวิเคราะห์จาก Hallgarten & Company ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่วางจำหน่ายเมื่อกว่าทศวรรษก่อน กำลังเข้าสู่ช่วงหมดอายุการใช้งาน และเริ่มเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลในเชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่โลกตะวันตกจะสามารถเข้าถึงแร่หายากจากแหล่งที่ไม่ใช่จีนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ยังเติบโตในอัตราที่จำกัด โดยในไตรมาสแรกของปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนเพียง 7.5% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด เทียบกับจีนที่มีรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาด

เอคเคิลสโตนชี้ว่า เมื่อแรงผลักดันในการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เริ่มลดลง ความเร่งด่วนในการหาแร่ทดแทนจากนอกจีนก็ลดลงตามไปด้วย

“เมื่ออัตราการเปลี่ยนผ่านจาก ICE เป็น EV ชะลอตัว ความกดดันในระบบซัพพลายเชนก็ลดลง ทำให้แรงผลักดันในการหาแร่ทดแทนจากประเทศอื่นไม่รุนแรงเท่าที่เคยคาดไว้” เอคเคิลสโตนกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้การรีไซเคิลจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมความมั่นคงด้านทรัพยากร แต่ในระยะสั้น โลกตะวันตกยังคงเผชิญกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างในการเข้าถึงแร่หายากจากแหล่งอื่น เนื่องจากทางเลือกนอกจีนยังมีอยู่อย่างจำกัด การพัฒนาเหมืองใหม่ต้องใช้เวลาหลายปีในการขออนุญาตและลงทุน ขณะที่การก่อสร้างโรงแปรรูปต้องอาศัยทั้งเวลา เงินทุน และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังคงพึ่งพากำลังการผลิตและเทคโนโลยีการแปรรูปของจีนเป็นหลัก

ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (U.S. Geological Survey) ระบุว่า ในปี 2024 จีนมีสัดส่วนการผลิตแร่หายากมากถึง 69% ของทั้งโลก และถือครองเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองที่ค้นพบแล้วทั่วโลก

สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ แร่หายากยังคงเป็นส่วนประกอบหลัก รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดี่ยวโดยเฉลี่ยใช้แร่หายากประมาณ 550 กรัม ขณะที่รถยนต์ใช้น้ำมันใช้เพียง 140 กรัม และในกรณีของรถไฮบริดที่ใช้แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ปริมาณแร่หายากอาจสูงถึง 4.45 กิโลกรัมต่อคัน

ขณะที่รายงานจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า “จีนควบคุมการผลิตแร่แม่เหล็กหายากที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากกว่า 90% ของโลก” ซึ่งรวมถึงแร่ที่มีมูลค่าสูงและขาดแคลนอย่าง นีโอไดเมียม (Nd), พราเซโอดิเมียม (Pr), ดิสโพรเซียม (Dy) และเทอร์เบียม (Tb)

จีนเข้มควบคุมแร่หายาก ชาติตะวันตกไร้ทางเลือกสำรองในระยะสั้น

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด โดยรวมถึงแร่เทอร์เบียมและซีเรียม ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ประกาศดังกล่าวบริษัทจีนที่ต้องการส่งออกแร่เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลก่อนทุกครั้ง

นอกจากแร่หายาก จีนยังมีบทบาทครอบงำในตลาดแร่ยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เช่น แกลเลียม, เจอร์เมเนียม, พลวง และทังสเตน แม้แร่เหล่านี้จะไม่จัดอยู่ในหมวดแร่หายาก แต่ก็เป็นวัตถุดิบสำคัญในชิปอิเล็กทรอนิกส์และอาวุธยุทโธปกรณ์

ปัจจุบัน จีนผลิตทังสเตนถึง 80% ของปริมาณทั่วโลก โดยสหรัฐฯ พึ่งพาการนำเข้าทังสเตนจากจีนประมาณ 27% และรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันใช้ทังสเตนเฉลี่ยราว 2 กิโลกรัม ซึ่งยังไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ภายในระยะเวลา 7 ปี

ลูอิส แบล็ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเหมือง Almonty ระบุว่า “ขณะนี้ 50% ของทังสเตนทั่วโลกถูกใช้ในจีน ส่วนที่เหลือที่เคยส่งออกไปยังประเทศตะวันตก กำลังค่อยๆ หายไปจากตลาดโลก”

แม้การเปิดเหมืองใหม่ในเกาหลีใต้ในปี 2025 จะเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มซัพพลายสำหรับอุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ ยุโรป และเกาหลีใต้ แต่ซัพพลายดังกล่าวยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ การแพทย์ และอวกาศ

สถานการณ์นี้ตอกย้ำความท้าทายด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในตะวันตก และสร้างแรงกดดันให้ประเทศต่างๆ ต้องเร่งพัฒนายุทธศาสตร์ทางเลือก ทั้งในด้านการลงทุน การรีไซเคิล และการพัฒนาเทคโนโลยีทดแทน เพื่อรับมือกับความเป็นจริงใหม่ในระบบเศรษฐกิจโลกที่จีนยังคงถือไพ่เหนือกว่าในด้านทรัพยากรสำคัญ

ที่มา: CNBC


แชร์
สหรัฐฯ เริ่มรีไซเคิลแร่หายาก หวังลดพึ่งจีน แต่ระยะสั้นยังต้องง้อ