ผู้ผลิตจีนหลายแห่งเริ่มชะลอกำลังการผลิตและเร่งปรับกลยุทธ์ไปยังตลาดใหม่ หลังมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อเนื่อง ส่งผลให้คำสั่งซื้อจากต่างประเทศหดตัว และการจ้างงานภายในโรงงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
คาเมรอน จอห์นสัน หุ้นส่วนอาวุโสประจำเซี่ยงไฮ้ของบริษัทที่ปรึกษา Tidalwave Solutions เปิดเผยว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้โรงงานหลายแห่งในจีน โดยเฉพาะผู้ผลิตของเล่น อุปกรณ์กีฬา และสินค้าราคาประหยัดที่จำหน่ายในร้าน Dollar Store ต้องหยุดการผลิตบางส่วนและส่งพนักงานกลับบ้านเป็นจำนวนถึงครึ่งหนึ่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์
“แม้สถานการณ์ยังไม่ขยายเป็นวงกว้าง แต่บริษัทบางแห่งในศูนย์กลางส่งออกสำคัญอย่างอี้อูและตงก่วนได้เริ่มหยุดการผลิตแล้ว และมีความกังวลว่าบริษัทในพื้นที่อื่นอาจต้องดำเนินการในทำนองเดียวกันในอนาคต” จอห์นสันกล่าว พร้อมระบุว่าหลายบริษัทคาดหวังให้ภาษีถูกปรับลดลงเพื่อกระตุ้นคำสั่งซื้อใหม่ แต่ในระหว่างนี้จึงจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลงชั่วคราว
โกลด์แมน แซคส์ประเมินว่า มีแรงงานจีนราว 10-20 ล้านคนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนแรงงานในเมืองของจีนที่อยู่ที่ 473.45 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนอย่างหนัก โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% และจีนได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีในลักษณะเดียวกัน และแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังดำเนินอยู่ แต่ฝ่ายจีนปฏิเสธว่ามีการเจรจาใด ๆ
แอช มองกา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Imex Sourcing Services ในกวางโจว ระบุว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษีครั้งนี้ "รุนแรงกว่าวิกฤตโควิด-19" โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด เขาเตือนว่าการขึ้นภาษีอย่างกะทันหันอาจทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง และประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ “Tariff Help” เพื่อช่วยหาซัพพลายเออร์จากนอกจีน
ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการภาษี ผู้ส่งออกจีนเร่งปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์และไลฟ์สตรีมมิ่งภายในประเทศ
หนึ่งในตัวอย่างคือ Woodswool ผู้ผลิตชุดกีฬาจากหนิงโป ใกล้เซี่ยงไฮ้ ที่หันไปขายสินค้าโดยตรงผ่านไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์ม Baidu หลังจากเปิดตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อมากกว่า 30 รายการ รวมมูลค่ากว่า 5,000 หยวน (ประมาณ 690 ดอลลาร์สหรัฐ)
“คำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ ของเราถูกยกเลิกทั้งหมด” หลี่หยาน ผู้จัดการโรงงานและผู้อำนวยการแบรนด์ กล่าว พร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้กว่าครึ่งของกำลังการผลิตของบริษัทมุ่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ และขณะนี้โรงงานบางส่วนอาจต้องหยุดผลิตนานถึง 2-3 เดือนระหว่างการขยายตลาดใหม่ในยุโรปและออสเตรเลีย
การปรับตัวเข้าสู่ตลาดไลฟ์สตรีมมิ่งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่ผลักดันให้ผู้ส่งออกหันมาทำตลาดภายในประเทศ โดย Baidu ได้สนับสนุนธุรกิจจีนหลายร้อยรายด้วยการให้บริการเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ฟรี เช่น "Huiboxing" มนุษย์เสมือนที่สามารถนำเสนอสินค้าและโต้ตอบกับลูกค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทอ้างว่าช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีกว่าการใช้พนักงานจริง
JD.com เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ประกาศมาตรการสนับสนุนผู้ส่งออกจีน ด้วยการตั้งงบประมาณ 200,000 ล้านหยวน (27.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อซื้อสินค้าที่เดิมมีเป้าหมายสำหรับตลาดต่างประเทศ ขณะที่ Meituan ผู้ให้บริการส่งอาหาร ก็แสดงความตั้งใจช่วยเหลือผู้ส่งออก แม้จะยังไม่ได้ระบุวงเงินสนับสนุนอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่จัดสรรยังนับว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 524.66 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
ไมเคิล ฮาร์ต ประธานหอการค้าอเมริกันในจีน เปิดเผยว่า หลายธุรกิจยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินกิจการได้ภายใต้ภาษี 125% และการแข่งขันภายในตลาดจีนก็ทวีความรุนแรงขึ้น
ฮาร์ตยังระบุเพิ่มเติมว่า ภาษีจากทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มจะยังคงอยู่ แม้อาจมีการยกเว้นภาษีบางรายการ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจไม่สามารถตอบโจทย์ตลาดที่อยู่อาศัยในจีนได้โดยตรง
แม้ว่าผู้ผลิตหลายรายจะหันมาใช้โซเชียลมีเดียจีนอย่าง Xiaohongshu (Red) และ Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) เพื่อกระตุ้นการสนับสนุนจากผู้บริโภคในประเทศ แต่แอชลีย์ ดูดาเรนอค ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา ChoZan ชี้ว่าความเหนื่อยล้าของผู้บริโภคกำลังเป็นอุปสรรคที่เพิ่มขึ้น
ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นจากสหรัฐฯ บริษัทจีนจำนวนไม่น้อยเริ่มลดการส่งสินค้าอ้อมผ่านประเทศที่สาม และหันไปย้ายกำลังการผลิตไปยังอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือปรับเปลี่ยนตลาดเป้าหมายไปยังยุโรปและละตินอเมริกาแทน
หนึ่งในตัวอย่างคือ Beijing Mingyuchu บริษัทอีคอมเมิร์ซที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ห้องน้ำไปยังบราซิล แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนค่าขนส่งที่สูง แต่หลิว ซวี่ ผู้บริหารบริษัท เชื่อว่าการค้ากับบราซิลจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ข้อมูลระบุว่า การส่งออกของจีนไปยังบราซิลและกานาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในช่วงระหว่างปี 2018 ถึง 2024
อีกตัวอย่างหนึ่งคือบริษัท Cotrie Logistics ในกานา ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อช่วยธุรกิจต่าง ๆ ด้านการจัดหา ประสานการขนส่ง และสร้างเส้นทางโลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้ Bright Tordzroh ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า ปัจจุบัน Cotrie มีรายได้ต่อปีระหว่าง 300,000 ถึง 1 ล้านดอลลาร์ และเชื่อว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้บริษัทขยายตัวได้ต่อเนื่องในอนาคต