สถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทยขณะนี้ได้สร้างผลกระทบไปในวงกว้างหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทำให้ทั้งภาคประชาชนและธุรกิจจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนทำให้พื้นที่เกษตร, อาคารบ้านเรือน และกิจการต่างๆ เสียหายจนทำให้ไม่สามารถทำมาหากินหรือค้าขาย ทำให้ล่าสุดกระทรวงการคลังประกาศออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565
โดยนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลว่า รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 ของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในสังกัดต่อคณะรัฐมนตรี โดยสรุปได้ดังนี้
1.กรมสรรพากร
มาตรการที่ทำอยู่ในปัจจุบัน สนับสนุนการบริจาคให้ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
- บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ 1 เท่า
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักรายจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคได้ 1 เท่า
- ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้า
มาตรการสนับสนุนการบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นตัวแทนรับเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
- บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ 1 เท่า
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคได้ 1 เท่า
- ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคสินค้า
ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ทั้งบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
- กรณีเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล
- กรณีเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคหรือช่วยเหลือเพื่อชดเชยความเสียหาย
- กรณีค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหาย
- มาตรการที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม
*มาตกราเร่งด่วน: การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีหรือนำส่งภาษี และการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน สำหรับผู้มีหน้าที่เสียภาษีในพื้นที่อุทกภัย จากเดิมต้องยื่นหรือขอภายในเดือนตุลาคม 2565 และเดือนพฤศจิกายน 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565
*มาตรการถัดไป: การหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์
ของบุคคลธรรมดาที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท และหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมรถของบุคคลธรรมดาที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
2. กรมศุลกากร
- ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามา เพื่อบริจาคให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ปี 2565
- มอบหมายให้ด่านศุลกากรในส่วนภูมิภาคช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ เช่น การมอบสิ่งของจำเป็น การลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น
.
3. กรมสรรพสามิต
- ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการในจังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 ได้รับการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการภาษีและชำระภาษี จากเดิมวันที่ 11 – 31 ตุลาคม 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565
- ขยายกำหนดเวลาในการยื่นงบเดือนจากเดิมในเดือนตุลาคม 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565
4. กรมบัญชีกลาง
- ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศให้ท้องที่นั้นเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 20,000,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในด้านการดำรงชีพ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านการเกษตร
- มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยกรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้คลังจังหวัดประสานงานกับคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดและลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
5. กรมธนารักษ์
- มาตรการช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุที่ประสบอุทกภัย ยกเว้นค่าเช่าสูงสุด 2 ปี
6. การยาสูบแห่งประเทศไทย
- มาตรการช่วยเหลือพนักงานยาสูบและครอบครัวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการดำรงชีพและความเสียหายของทรัพย์สินหรือที่อยู่อาศัย และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยการแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยและผู้ประสบปัญหาในการดำรงชีพในพื้นที่ต่าง ๆ
7. ธนาคารออมสิน
- พักชำระหนี้ สามารถเลือกชำระเฉพาะดอกเบี้ยสัดส่วน 10 – 100% และกรณีอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบคงที่ สามารถขอลดการชำระเงินงวดสัดส่วน 50% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
- สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยปลอดชำระค่างวด 3 งวดแรก วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับบุคคลธรรมดา
- สินเชื่อเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบภัยพิบัติ อัตราดอก 3.50% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยปลอดชำระเงินต้นในปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิมหรือไม่เกิน 5,000,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs
- สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.49% เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยส่วนที่เสียหายได้ร้อยละ 100 ของหลักประกัน
- สินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.99% เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอสินเชื่อภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ประกาศภัยพิบัติหรือวันที่ประสบภัยพิบัติ
8. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- พักชำระหนี้ โดยการพักชำระหนี้ไม่เกิน 12 เดือน และไม่คิดดอกเบี้ยปรับ
- สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2565 – 2566 อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
- มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต อัตราดอกเบี้ย MRR -2% หรือประมาณ 4.50% ต่อปี เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท
9. ธนาคารอาคารสงเคราะห์
- ลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย 50% จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน กรณีหลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหาย และอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบลอยตัว
- สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี กรณีปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยกำหนดวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท
- ประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างประนอมหนี้
- สินไหมเร่งด่วน จะได้รับค่าสินไหมเร่งด่วนกรณีพิเศษ กรณีทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ สำหรับลูกหนี้ที่เป็นผู้ประสบภัย
10. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
- ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ พักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน
- สินเชื่อ SMEs Re-Start อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 5.5% ต่อปี ปลอดระยะเวลาชำระเงินต้น 2 ปี วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท
11. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
- ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย 2565 ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่สำหรับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าสินเชื่ออุปโภคบริโภค ทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อธุรกิจแบบมีกำหนดระยะเวลาของ ธอท. (Term Financing)
12. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
- เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิมแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
- เพิ่มวงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ (Prime Rate) หรือประมาณ 5.75% โดยปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 3 เดือน วงเงินกู้เพิ่มเติมสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท
- ลดเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุดร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 1 ปี
- ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
ทั้งนี้ หากลูกค้าตามข้อ 12.3 และ 12.4 ชำระหนี้ได้ปกติ จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยคืน (Rebate) ร้อยละ 2 ต่อปี โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
13. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
- พักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ปัจจุบันของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ปี 2565
- ช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. สามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยืดหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยได้ต่ำสุด 0% ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี