สำหรับฝั่งทวีปเอเชียในปีนี้ “สิงคโปร์” เพื่อนบ้านของเราจับมือ “ปารีส” แห่งฝรั่งเศส เข้าวินเป็นอันดับที่ 2 ส่วนอันดับ 1 ตกเป็นของกรุง เทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล
ขณะที่ “ฮ่องกง” ซึ่งเคยขึ้นเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกในปี 2563 ร่วงสู่อันดับที่ 5 ในปีนี้ แต่ยังคงรั้งอันดับ 1 ในเรื่อง “เมืองที่ค่าน้ำมันแพงที่สุดในโลก”
สำหรับเมืองอื่นๆ ในเอเชียที่น่าจับตามองเรื่องค่าครองชีพแพงที่สุด ได้แก่ “โอซากา” ประเทศญี่ปุ่นในอันดับที่ 10 “เซี่ยงไฮ้” อันดับที่ 19 “เซินเจิ้น” อันดับที่ 22 และ "ปักกิ่ง" อันดับที่ 36
ในการสำรวจนี้ EIU ใช้วิธีการให้คะแนนแต่ละเมืองเทียบกับ “นครนิวยอร์ก” โดยพิจารณาจากการเปรียบเทียบราคาสิ่งของมากกว่า 200 รายการ เช่น ราคาอาหาร ความบันเทิง การคมนาคม หรือที่อยู่อาศัย โดย นครนิวยอร์ก เองถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของผลการสำรวจในครั้งนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจัยในการครองชีพที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดที่สุด จากการสำรวจในปีนี้ คือ “การคมนาคม” มีผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงถึง 21% ในขณะที่ค่าสินค้าและบริการในภาพรวม เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึง 3.5% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปี
#ค่าครองชีพ
#กรุงเทพฯ
#กทม.
#costofliving