ธุรกิจการตลาด

ส่อง! ‘MASTER’ ธุรกิจความงาม ปิด 10 ดีล ลงทุน 1,500 ล้าน ภายใน 1 ปี

24 ธ.ค. 66
ส่อง! ‘MASTER’ ธุรกิจความงาม  ปิด 10 ดีล ลงทุน 1,500 ล้าน ภายใน 1 ปี

เรื่องความสวยความงามไม่เข้าใครออกใคร ยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ เดินเข้าออกคลีนิกความงามกันเป็นเรื่องปกติ คนไหนไม่ทำซิ ถือว่าผิดปกติไปเสียแล้ว 

เราจึงเห็นคลีนิกความงาม ศัลยกรรมบนใบหน้าเกิดขึ้นมากมาย ในทางตรงกันข้ามก็มีคลีนิกเถือนที่ไม่ได้มาตรฐานเกิดขึ้นตามเป็นดอกเห็ดเช่นเดียวกัน ธุรกิจนี้ ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตได้ดี  ถือเป็นเมกะเทรนด์ ทั้งทางด้าน Health Care และการท่องเที่ยวได้เลยทีเดียว

SPOTLIGHT จะพามาทำความรู้จักอีก 1 บริษัทดาวรุ่ง พุ่งแรงอีกดวงหนึ่งในแวดวงศัลยกรรมความงามอย่าง บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)  หรือ MASTER ที่ประกอบกิจการสถานพยาบาล ด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช”

 “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” ให้บริการด้านการศัลยกรรมครบวงจร โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งศัลยกรรมจมูก ศัลยกรรมยกคิ้วและกรอบหน้า รวมถึง การปลูกผม ดูแลเส้นผม และให้บริการดูแลผิวพรรณและเลเซอร์

MASTER ก่อตั้งบริษัท : 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai : 25 มกราคม 2566 ภายใต้การบริหารงานของ นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณดาว (นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER ที่มีเป้าหมายจะเป็น เบอร์ 1 กลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางของเมืองไทย

นับตั้งแต่เข้าตลาด mai ได้เงินมาราว 2,300 ล้านบาท โดยมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาปรับปรุงอาคาร สถานที่ ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดยผู้บริหารมีเป้าหมายเติบโตของรายได้ช่วง 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2566-2568 โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 40% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% จากการเติบโตแบบขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 

ในการขยายธุรกิจ ภายใต้เป้าหมายที่จะเป็นอันดับ 1 กลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางของเมืองไทยนั้น นั่นคือ และบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือร่วมลงทุน (JV) เพื่อให้เกิด Synergy ในธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพียงปีเดียว ถึง 10 ดีล ด้วยกัน มูลค่ารวม 1,576.61 ล้านบาท ดังนี้

  1. บจก.มีแพลนดี คลีนิกเสริมความงาม ชื่อ ‘WIND Clinic’ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 64 ล้านบาท เป็นธุรกิจคลีนิกความงาม ให้คำปรึกษาและบริการดูแลทางด้านสุขภาพ ด้านผิวพรรณและตรวจรักษา  มีจำนวน 2 สาขา คือ กรุงเทพฯ และอุบลราชธานี โดยมีแพทย์ที่มีชื่อเสียงในด้านการปรับรูปหน้า และยกกระชับ คือ คุณหมอบาส (นายแพทย์เฉลิมชัย ศรีอัครพงศ์) ซึ่งการลงทุนนี้จะรับรู้เป็นกำไรในไตรมาส 4/66 นี้
  2. บจก.แอดวานซ์ เมดิคอล คลินิก  คลีนิกเสริมความงาม ชื่อ ‘Rattinan Medical Center’ ถือหุ้น 36% ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านบาท มีความเชี่ยวชาญ ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง ดึงหน้า ดึงคาง ดูดไขมัน เสริมหน้าอก ตัดหน้าท้อง
  3. บจก.ทวิงเกิ้ล สตาร์ ธุรกิจซื้อขายและผลิตสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 64.94 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเผยแพร่การบริการของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น
  4. บจก.ทีวายพี คลีนิกเสริมความงาม ชื่อ ‘TYP Clinic’ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 73.70 ล้านบาท เป็นคลีนิกความงาม ที่ให้บริการอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่มีความชำนาญด้านเสริมจมูก ตาสองชั้น ปรับรูปหน้า
  5. บจก.ซีเอ็มเอ็นเอช 2012 ศูนย์ดูแลผู้ป่วยสูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 50 ล้านบาท ซึ่งเปิดให้บริการที่ จ.เชียงใหม่ มีความชำนาญด้านการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยทางระบบสมองและประสาทไขสันหลัง 
  6. บจก.ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ คลีนิกด้านผิวหนังและความงาม ชื่อ ‘The Skin Clinic’ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 96 ล้านบาท ซึ่งเป็นกิจการที่มีความชำนาญด้านการปลูกผมไร้รอยแผลศัลยกรรมความงาม และเลเซอร์ต่างๆ 
  7. บจก.บีอีคิว คลีนิกด้านผิวพรรณ รูปร่าง เส้นผม ชื่อ ‘BEQ Clinic’ ถือหุ้น 35% ด้วยเงินลงทุน 183.75 ล้านบาท 
  8. บจก.ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล คลีนิกสุขภาพ โรคทั่วไปและความงาม ชื่อ ‘Dr.Chen’ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 94.22 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามมาตรฐานสากล เน้นการปรับโครงหน้าด้วยเทคนิคจากเกาหลี และมีทีมผู้บริหาร นำโดย นายแพทย์เชน ชัยชาญชีพ และคาดว่าจะสามารถสร้างกำไรให้กับ MASTER ได้ตั้งแต่ปี 2567 
  9. บจก.คิน คอร์ปอเรชั่น (KIN Corp) ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 160 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567 โดยทั้ง 2 บริษัท จะเกิด Synergy ระหว่างกันทั้ง 2 ฝ่าย โดย MASTER จะสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 10% ขณะที่ KIN Corp จะได้ขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดกลุ่ม Health Care จากเดิมมีลูกค้า Real Estate เป็นหลัก ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีแผนจะนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
  10. บจก. วี เอ็กคลูซีฟ กรุ๊ป คลีนิกเสริมความงาม ชื่อ ‘V Square’ ถือหุ้น 40% ด้วยเงินลงทุน 720 ล้านบาท คาดว่า กระบวนการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2567 

master

โดยดีลสุดท้าย ถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ เรามาดูมุมมองของผู้บริหารกันว่า มองเรื่องนี้อย่างไร?

“ การเข้าซื้อกิจการ V Square คือการที่ V Square ประกอบกิจการเสริมความงามเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท การลงทุนใน V Square ส่งผลให้มีการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และเปิดโอกาสในการเข้าสู่พื้นที่ใหม่ที่มีการเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินการของบริษัท มีแนวโน้มเติบโตและขยายตัวต่อไปในอนาคต ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับบริษัท และเป็นการวางแผนลงทุนในกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถขยายเครือข่ายในการให้บริการและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ส่งผลให้ MASTER เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เผย

ปีนี้ลงทุน 10 ดีล แต่ฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง 

ปีนี้เข้าลงทุนทั้งหมด 10 บริษัท โดยในแง่ของฐานะทางการเงินของ MASTER แข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการเข้าลงทุนในกิจการทั้งหมดในปีนี้ บริษัทฯได้ใช้เงินที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท

“ดีลการเข้าซื้อหุ้นใน V Square Clinic ถือเป็นดีลใหญ่ของ MASTER  ในปีนี้ และเป็นการประกาศข่าวดีส่งท้ายปี 2566 ส่งผลให้ปัจจุบัน MASTER มีดีลเข้าร่วมลงทุนแล้วทั้งสิ้น 10 ดีล ซึ่งการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสร้างโอกาสเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง MASTER กล่าวว่า 

สำหรับเงินลงทุนครั้งนี้ MASTER นำเงินลงทุนมาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท จะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท และยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยเป็นการนำเอาความชำนาญและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของแต่ละฝ่ายมาใช้ในการต่อยอดในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต และเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้กว้างขวางขึ้น จะส่งผลให้ผลการดำเนินการของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตและขยายตัวต่อไปในอนาคต

ตลาดศัลยกรรมความงามยังโตได้อีก

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Grand View Research คาดการณ์มูลค่าตลาดเสริมความงามของไทยปี 2020-2027 จะเติบโตอัตราเฉลี่ย 16.6% แตะระดับ 2.5 แสนล้านบาทในปี 2027 

โดยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 74% เป็นการให้บริการแบบการทำศัลยกรรม หรือ Invasive Procedures ของมูลค่าตลาดความงามในไทย และที่เหลืออีก 26% เป็นการให้บริการแบบ Non-Invasive Procedures  เช่น การใช้ยากิน ยาฉีด การนวด การกดจุด หรือการฝังเข็ม เป็นต้น

ปัจจัยที่หนุนให้มีการเติบโต คือ ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ และความงามมากขึ้น ขณะที่ให้การยอมรับและเปิดกว้างเรื่องการทำศัลยกรรมมากขึ้น รวมถึง การท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว ทำให้ประเทศไทยยังคงมีจุดเด่น จากการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และการรับบริการหัตถการด้านความงาม ซึ่งการใช้จ่ายทางการแพทย์ในไทยต่ำกว่าประเทศอื่น แต่มีคุณภาพสูง

การเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันนี้ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างข่าย พันธมิตร และสามารถขยายฐานลูกค้าของ MASTER ไปยังลูกค้าในกลุ่ม 10 บริษัทนี้ 

ส่วนในแง่ของการทำธุรกิจ ถือว่ามีผลิตภัณฑ์ หรือคลีนิกด้านความงามที่ครบวงจรก็ว่าได้ ในทุกส่วนของร่างกาย และการบริการดูแลผู้สูงอายุด้วย รวมถึงการมีสื่อในมือที่จะช่วยโปรโมทบริษัทให้ และการส่งเสริมการตลาด เพื่อให้สื่อถึงมือผู้บริโภค

ในปีหน้าต้องจับตาดูหุ้น MASTER จะมีดีลซื้อกิจการ เพื่อขยายธุรกิจอะไรเพิ่มขึ้นอีก และแต่ละบริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับ MASTER มากน้อยแค่ไหน กิจการจะก้าวกระโดดไปไกลแค่ไหน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT