อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ โดยล่าสุดมีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน 5 แห่ง ประกาศลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
5 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่ทุ่มทุนตั้งโรงงานผลิตในไทยกว่า 67,900 ล้านบาท
จากกระแสงาน Motor Expo 2023 ที่มียอดการจองรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) หลากหลายแบรนด์จากจีนก้าวขึ้นมาครองใจคนไทย ที่เวลานี้สามารถทำยอดขายได้หลายพันคัน ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ณ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับ ทาง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ที่กล่าวว่า เวลานี้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ EV (Electric Vehicle : EV) ทั่วโลกมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายต่างปรับลดราคาขายลงเฉลี่ย 2-10% เพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหากเทียบกับค่าน้ำมัน รวมถึงการซ่อมบำรุง รถ EV จึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ
อัพเดทยอดจองรถในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2023 กดที่ลิงก์นี้
การลงทุนรถยนต์ EV ในไทยของค่ายรถจีน
ด้านการลงทุนรถยนต์ EV ในไทยของค่ายรถจีนในปัจจุบันยังน้อย หากเทียบกับฝั่งญี่ปุ่นที่ตั้งฐานการผลิตรถยนต์ในอดีต แต่อย่างไรก็ตาม ไทยก็ยังมีความน่าสนใจในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ EV ในสายตานักลงทุนจีนอยู่ โดยการลงทุนรถยนต์ EV ในไทยมีส่วนช่วยกระจายความเสี่ยงจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เลี่ยงการแข่งขันใน ตลาดรถยนต์ EV ในจีนที่รุนแรง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยที่แข็งแกร่ง สำหรับ 5 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่ตั้งโรงงานในไทยมีดังนี้
BYD Company
ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 เพื่อผลิตแบตเตอร์รี่ ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นเรื่อง Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอร์รี่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ โดยบริษัท BYD เป็นรายแรกที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยบริษัทวางแผนลงทุนในไทยมูลค่า 20,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง 36 บนพื้นที่ 600 ไร่ คาดเริ่มผลิตในปี 2567 ด้วยกำลังผลิต 150,000 คัน/ปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนและยุโรป
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท BYD จำกัด (มหาชน)
- ปี 2563 มีรายได้รวม 153.47 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 4.23 พันล้านหยวน
- ปี 2564 มีรายได้รวม 216.14 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 3.05 พันล้านหยวน
- ปี 2565 มีรายได้รวม 424.06 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 16.62 พันล้านหยวน
- 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 422.27 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 21,36 พันล้านหยวน
GWM [Great Wall Motor]
ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการทำรถยนต์ ปิกอัพและเอสยูวี ภายใต้แบรนด์ Haval และ รถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ Ora โดยบริษัทได้เข้ามาใช้โรงงานของ General Motors (Chevrolet) และมีแผนลงทุนทั้งหมด 22,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก มาบตาพุด จังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 412 ไร่ มีศักยภาพการผลิตแบบเต็มกำลังอยู่ที่ 80,000 คันต่อปี และจะเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวาโดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ของภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้โงงานนี้ยังเป็นฐานการผลิตอัจฉริยะเต็มรูปแบบแห่งที่สอง นอกประเทศจีนของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อีกด้วย
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท Great Wall Motor จำกัด (มหาชน)
- ปี 2563 มีรายได้รวม 103.31 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 5.36 พันล้านหยวน
- ปี 2564 มีรายได้รวม 136.40 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 6.73 พันล้านหยวน
- ปี 2565 มีรายได้รวม 137.34 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 8.27 พันล้านหยวน
- 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 119.5 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 4.99 พันล้านหยวน
Changan [Chong Qing Changan]
ก่อตั้งขึ้นในปี 1862 บริษัทผลิตและจำหน่ายรถยนต์โดยสารไปถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ Changjiang Type 46 เป็นรถยนต์คันแรกที่ผลิตโดยประเทศจีน โดยบริษัทมีแผนลงทุนสร้างโรงงานในเฟสแรกจำนวน 8,800 ล้านบาท ล่าสุด ฉางอาน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากจีน ประกาศรุกตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นแรก ได้แก่ Deepal L07 และ Deepal S07 อย่างเป็นทางการที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023
นอกจากนี้ ฉางอานยังได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกในประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด บนพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ โรงงานแห่งนี้จะรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่งานพ่นสี ประกอบตัวถัง ประกอบเครื่องยนต์ ประกอบแบตเตอรี่ ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอื่นๆ
ฉางอานตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่โรงงานแห่งนี้เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด รวมถึงตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก โดยในช่วงระยะแรก ภายในต้นปี 2568 คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิตรถยนต์ที่ 100,000 คันต่อปี
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท Chong Qing Changan จำกัด (มหาชน)
- ปี 2563 มีรายได้รวม 84.57 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 3.32 พันล้านหยวน
- ปี 2564 มีรายได้รวม 105.14 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 3.55 พันล้านหยวน
- ปี 2565 มีรายได้รวม 121.25 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 7.80 พันล้านหยวน
- 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 108.21 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 9.88 พันล้านหยวน
GAC AION [Guangzhou Automobile Group]
ก่อตั้งขึ้นในปี 1954 เพื่อเป็นโรงงานสำหรับซ่อมรถบัสสาธารณะของประเทศจีน และได้ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ GAC ในปี 2007 เพื่อสำหรับในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก และบริษัทได้มีแผนลงทุนสร้างโรงงานในไทยมูลค่า 6,000 ล้านบาท ตัวโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 และจะเรื่มผลิตได้ในเดือน มิ.ย. 2567 เฟสแรกจะเป็นการประกอบก่อน สำหรับเป้าหมายยอดขายภายในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 คัน
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท Guangzhou Automobile Group จำกัด (มหาชน)
- ปี 2563 มีรายได้รวม 63.16 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 5.97 พันล้านหยวน
- ปี 2564 มีรายได้รวม 75.68 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 7.33 พันล้านหยวน
- ปี 2565 มีรายได้รวม 110.01 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 8.07 พันล้านหยวน
- 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 98.18 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 4.51 พันล้านหยวน
SAIC Motor (MG)
บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1955 ด้วยการเป็นบริษัทประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ จากนั้นบริษัทได้มีความรวมมือกับบริษัทต่างๆเพื่อประกอบรถยนต์ให้กับบริษัทต่างๆ จนในปี 2006 บริษัทได้ผลิตรถยนต์แบรนด์ตัวเองขึ้นมา และในปี 2013 บริษัทได้จับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อผลิตรถยนต์ ซึ่งตอนนี้บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว 10,000 ล้านบาท และกำลังเพิ่มอีก 500 ล้านบาท โดยโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี ปัจจุบันรถยนต์ MG วิ่งในท้องถนนในปีะเทศไทยกว่า 180,000 คัน รวมถึง MG เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีปริมาณการถือครองสูงสุด และเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีความหลากหลายที่สุดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีของ บริษัท SAIC Motor Corp จำกัด (มหาชน)
- ปี 2563 มีรายได้รวม 742.13 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 20.43 พันล้านหยวน
- ปี 2564 มีรายได้รวม 779.84 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 24.53 พันล้านหยวน
- ปี 2565 มีรายได้รวม 774.06 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 16.11 พันล้านหยวน
- 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 517.35 พันล้านหยวน กำไรสุทธิ 11.4 พันล้านหยวน
การเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รับอานิสงส์มาตรการสนับสนุนรถพลังงานไฟฟ้าและราคาน้ำมันแพง
ที่มา investing, ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี และ Krungsri Securities