"ซาอุดี อรามโค" ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า รายได้สุทธิของบริษัทในปี 2021 ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นถึง 124% ไปอยู่ที่ 1.1 แสนล้านดอลลาร์ (เกือบ 3.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากที่เคยทำได้ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2020 ส่งผลให้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นทันที 4% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นซาอุดี ทาดาวัล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
บริษัทระบุว่า รายได้สุทธิที่ขยายตัวนั้น ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และผลกำไรจากการกลั่นน้ำมัน และธุรกิจปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง ซึ่งยังทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 1.075 แสนล้านดอลลาร์ เทียบกับ 4.91 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า
"ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว แต่แนวโน้มข้างหน้าก็ยังคงมีความไม่แน่นอน ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคและและความขัดแย้งระหว่างประเทศ" นายอามิน นาสเซอร์ ซีอีโอของซาอุดี อรามโค กล่าว
ทั้งนี้ ซาอุดี อรามโค ซึ่งยังเป็นบริษัท น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2021 ซึ่งน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงสิ้นปี หรือเพิ่มขึ้นราว 50% จากช่วง 12 เดือนก่อนหน้านั้น โดยราคาน้ำมันโลกทยอยปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวจากภาวะโควิด-19 และราคาน้ำมันยังเริ่มดีดตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี หลังจากที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เริ่มส่อเค้ามาตั้งแต่ตอนนั้น
ด้านซาอุดี อรามโค ตั้งเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในปี 2570 และเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติอีก 50% ภายในปี 2573 แต่ไม่มีการระบุถึงการเพิ่มกำลังการผลิต "ในระยะใกล้" ตามที่ทั่วโลกกดดันและฝากความหวังไว้ที่ซาอุดิอาระเบีย ให้เข้ามาแทนที่รัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรไปก่อนหน้านี้