ส่องเส้นทางการเติบโตของ “เดอะ วัน เอนเตอร์ไพรส์” บริษัทสื่อบันเทิงครบวงจร ที่เกิดขึ้นการเดิมพันประสบการณ์ในวงการกว่า 30 ปี และเงินเก็บทั้งชีวิต ของเจ้าพ่อวงการสื่อโทรทัศน์ “บอย - ถกลเกียรติ วีรวรรณ”
กว่าจะมาเป็น “One31”
ปี 2564 ที่ผ่านมา ถือได้ว่า เป็นก้าวสำคัญของ “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE)” ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ กว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท
เดอะ วัน เอนเตอร์ไพรส์ ได้เล่าประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ผ่ายรายการ “WoodyFM” ว่า กระแส “ดิจิทัล ดิสรัปชัน”
เป็นจุดเปลี่ยนในการทำธุรกิจของตัวเอง กว่าจะพาบริษัทฝ่าแดดลมฝนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็ต้องผ่านการตัดสินใจครั้งใหญ่ ทุ่ม “เงินเก็บทั้งชีวิต” ในพาธุรกิจให้เดินต่อไป
โดยร่วมลงทุน กับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตั้งช่อง “One31” ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตคอนเทนต์ และสถานีโทรทัศน์ ต่อสู้กับทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ หันไปหาช่องทางดิจิทัลมากขึ้น และ ยุคฟองสบู่ของดิจิทัลทีวี อย่างหืดขึ้นคอ ก่อนจะมี “คุณหมอปุย พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ” (บุตรสาว นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของเครือข่ายธุรกิจโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS) มาเสริมทัพ ร่วมถือหุ้นใหญ่ 50% ด้วยมูลค่าลงทุน 1,900 ล้านบาท ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น และสามารถเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง
ภายใต้ธุรกิจของ “ONEE” ในปัจจุบัน
“ONEE” วางตัวเป็น ธุรกิจสื่อและบันเทิงแบบครบวงจร นำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย ในหลายช่องทาง แบ่งเป็น 4 หมวดหลัก
- ทางทีวี : ช่องวัน 31, ทำการตลาดให้ช่องจีเอ็มเอ็ม 25, รับผลิตคอนเทนต์ให้ทีวีช่องอื่นๆ
- ทางออนไลน์ : Over-the-top TV (บริการรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ คอนเทนต์ทั้งแบบเสียเงินรายเดือน และแบบดูฟรี
มีโฆษณา) NETFLIX Disney Plus Hotstar IQIYI VIU WeTV โซเชียล มีเดีย (ยูทูบ เฟซบุ๊ก) รวมทั้ง
แอปพลิเคชั่นของตัวเอง คือ one31 จีเอ็มเอ็มทีวี และเอไทม์ - ทางวิทยุ : Green Wave และ EFM ซึ่งเป็น Voice Content ที่มีแบรนด์เป็นเอกลักษณ์ ครองใจคนฟังมาอย่างยาวนาน รับฟังได้ทั้งบนออนไลน์และหน้าปัดวิทยุ
- อีเวนต์ : คอนเสิร์ตและ Fan Meeting รวมทั้งกลุ่มบริหารจัดการศิลปิน (Artist Management) ปัจจุบันมีศิลปินกว่า 200 คน รวมถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น การขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน (Merchandising) การให้บริการเช่าสถานที่จัดอีเวนต์
แม้จะมีจุดเริ่มต้นมาจากช่องทีวี แต่ในปัจจุบัน (ข้อมูลจากปี 2563) สัดส่วนรายได้ของ ONEE มีรายได้จากช่องโทรทัศน์อยู่ที่ 48% ช่องทางอื่นๆ 27% ช่องทางออนไลน์ 21% และช่องทางต่างประเทศ 5% สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ แก้เกมให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป และชูจุดเด่นในการเป็น “บริษัทผลิตคอนเทนต์” แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี
อนาคตของ ONEE
ปัจจุบัน หุ้น ONEE มูลค่าเป็นสูงเป็น ลำดับที่ 4 ของหุ้นในวงการสื่อที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีมูลค่าเป็น ลำดับที่ 2 รองจาก บีอีซี เวิลด์ (BEC) เทียบกับมูลค่าหุ้นในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล มูลค่าหุ้นปัจจุบัน (ราคาปิดตลาดวันที่ 22 ม.ค. 65) อยู่ที่ 11.50 บาท/หุ้น ขยับขึ้นจากราคา IPO 35% ในระเวลาไม่ถึง 3 เดือน
โดย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส คาดการณ์ว่า ONEE มีภาพรวมที่สดใสในปี 65 จากการเปิดตัววงบอยแบนด์หน้าใหม่ “F4 Thailand” การตั้ง Academy ปั้นศิลปินเพื่อป้อนให้กับระบบนิเวศของบริษัท การสร้าง Original Content ป้อนให้ OTT Platform และ การส่งออกคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ และรายได้จากธุรกิจหลักคือ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ จะเติบโตจากกิจกรรมเศรษฐกิจที่กลับสู่สภาวะปกติ
จากจุดเด่นของการเป็น “ผู้ผลิตคอนเทนต์” ที่ครอบคลุมผู้ชมทุกวัย และมี พื้นที่การนำเสนอที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ทั้งในแพลตฟอร์มของตัวเองและของพันธมิตร ทำให้ ONEE สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที ในโลกที่ความนิยมของช่องทีวี มีแต่จะลดลง
แตกต่างจากโมเดลของสื่อบันเทิงระดับโลกอย่าง “เน็ตฟลิกซ์” ที่มุ่งหน้าปั้น “คอนเทนต์พิเศษ” ทั้งซีรีส์ และภาพยนตร์ป้อนแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเริ่มหมดเสน่ห์ในการดึงดูดให้ผู้ชม ดังที่สะท้อนออกมาผ่านตัวเลขของยอดสมัครสมาชิกใหม่ ที่เติบโตไม่ดีเท่าที่ควร ทำหุ้นร่วงหนักกว่า 20% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา