ธุรกิจการตลาด

ถอดแนวคิด House of Brands ของ “ท็อปส์” ในยุคคนต้องการของดี คุ้มราคา

23 ส.ค. 66
ถอดแนวคิด House of Brands ของ “ท็อปส์” ในยุคคนต้องการของดี คุ้มราคา

ในยุคที่เศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก ผู้บริโภคอย่างเราย่อมคำนึงราคาของสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อแน่นอนว่าคุ้มค่าหรือไม่ กลุ่มสินค้า House Brand หรือ Private label ที่วางจำหน่ายควบคู่อยู่กับสินค้าแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด ที่ผ่านมามักถูกมองข้าม เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าสินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าทางเลือกราคาถูกคุณภาพสู้สินค้าแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงไม่ได้ แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับราคาและความคุ้มค่ามากขึ้น 

จากผลสำรวจของ McKinsey เกี่ยวกับแนวโน้มเทรนด์ค้าปลีกในยุโรป ปี 2566 พบว่า ผู้บริโภค 36% ต้องการซื้อสินค้า ‘Private label’ หรือ ‘สินค้าตราห้าง’ เพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากการทดลองใช้และได้รับรู้ว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีคุณภาพดีเทียบเท่า หรือดีกว่าสินค้าแบรนด์อื่นๆ นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนของสินค้า Private label ในทวีปยุโรปเพิ่มขึ้น 1.9% และส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.4% สะท้อนเทรนด์สินค้า Private label ที่มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกในไทยเองต่างก็มองหาแนวทางพัฒนาสินค้าแบรนด์ตัวเอง เช่นเดียวกับ “ท็อปส์” ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ภายใต้บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ที่มองเห็นถึงโอกาสและช่องว่างในการเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาคอนเซปต์ของ House of Brands ที่เป็นมากกว่าสินค้าตราห้างทั่วไป 

สินค้า  House of Brands ของ “ท็อปส์

โดยข้อมูลล่าสุดจากรายงานเทรนด์ผู้บริโภคในประเทศไทยของ NielsenIQ พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยเลือกซื้อสินค้า Private label เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ในปี 2021 เป็น 6% ในปี 2022 สะท้อนการรับรู้ต่อสินค้าตราห้างว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี และยังชี้ว่าผู้บริโภคชาวไทยมองเห็นและเลือกซื้อสินค้า Private label ที่เป็นกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นกว่าเท่าตัว โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพที่ดีควบคู่กับราคาที่เข้าถึงได้

สินค้า House of Brands ของท็อปส์ กว่า 10,000 SKUs 

สินค้า House of Brands ของท็อปส์ มีความหลากหลายและแตกต่างด้วยจำนวนสินค้าในประเทศและสินค้านำเข้าที่เยอะที่สุด จาก 13 ประเทศทั่วโลก รวมกว่า 10,000 SKUs 

ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ Sub-Brand

ปัจจุบันสินค้าภายใต้ House of Brands แบ่งออกเป็น 3 ประเภท กว่า 250 แบรนด์ซึ่งมีการนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น

  • กลุ่มสินค้า Private Brand คือกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำในท้องตลาด แต่จำหน่ายในราคาที่ย่อมเยากว่า ครอบคลุมสินค้าทุกหมวดหมู่ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น
  • กลุ่มสินค้า Own Brand กลุ่มสินค้าที่คัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี พิถีพิถันในการผลิตทุกขั้นตอน ทั้งสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและกลุ่มสินค้านำเข้าเกรดพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แบรนด์ My Choice, Tops และ Smarter ให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพที่ดีเกินคาด
  • กลุ่มสินค้า Exclusive Brand คือกลุ่มสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่ผ่านการเฟ้นหาและคัดเลือกแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลก เพื่อรวบรวมมาวางจำหน่ายให้กับลูกค้าชาวไทยได้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพพรีเมียมส่งตรงจากทั่วทุกมุมโลก เช่น Waitrose, Coles และอีกมากมาย

    สินค้า  House of Brands ของ “ท็อปส์

กลุ่มสินค้า House of Brands ของท็อปส์ที่ขายดี 5 อันดับ

1.กลุ่มสินค้าอาหารสด

2.กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 

3.กลุ่มสินค้าวัตถุดิบอาหารและเครื่องปรุง  

4.กลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว 

5.กลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม 

ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบันที่มองหาสินค้าที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับราคา ทำให้สินค้า House of Brands ในทุกหมวดหมู่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยท็อปส์ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 20% ภายในปีนี้

ส่งออกสินค้า  ‘House of brands’ไป 4 ประเทศภูมิภาคเอเชีย

เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ยังมีแผนในการขยายตลาดสินค้าไทยภายใต้ ‘House of brands’ ไปสู่ตลาดในต่างประเทศผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยในช่วง 2560-2565 ได้ส่งออกสินค้ากว่า 500 รายการ ไปยัง 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ไต้หวัน เวียดนาม และกัมพูชา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) รวมกว่า 127% นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จว่าสินค้าไทยได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพในระดับสากล และมีมาตรฐานเทียบเท่าสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT