ธุรกิจการตลาด

เซนทรัลรีเทลกำไรครึ่งปีแรก 4 พันล้าน โต 37% ลุยเปิดสาขาภูเก็ตเพิ่ม 20 ก.ย. นี้

16 ส.ค. 66
เซนทรัลรีเทลกำไรครึ่งปีแรก 4 พันล้าน โต 37% ลุยเปิดสาขาภูเก็ตเพิ่ม 20 ก.ย. นี้

‘เซ็นทรัลรีเทล’ ครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 123,208 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เติบโต 32% จากปีก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากยอดขายกลุ่มแฟชั่น และยอดขายจากธุรกิจในต่างประเทศ คือ อิตาลี และเวียดนาม ซึ่งเซ็นทรัลรีเทลยังครองที่ 1 ด้านศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 เซ็นทรัล รีเทล สามารถกวาดรายได้ถึง 123,208 ล้านบาท (+9% YoY) และกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท (+37% YoY) พร้อมทั้งปิดไตรมาส 2 ด้วยรายได้รวม 60,002 ล้านบาท (+6% YoY) และกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท (+5% YoY)

ยอดขายกลุ่มแฟชั่นพุ่ง ครองเบอร์ 1 ศูนย์การค้าเวียดนาม

ปัจจุบัน เซ็นทรัลรีเทล บริหารงานใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม อิตาลี ใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก  ได้แก่ 

  1. กลุ่มฟู้ด จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคภายใต้หลากหลายแบรนด์ร้านค้าปลีก เช่น ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู๊ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และ มัทสึโมโตะ คิโยชิ
  2. แฟชั่น ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงแบรนด์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น  ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และ ซูเปอร์สปอร์ต
  3. ฮาร์ดไลน์ จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ภายใต้แบรนด์ร้านค้าปลีก เช่น ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส และ Meb 
  4. พร็อพเพอร์ตี้ ธุรกิจศูนย์การค้า ภายใต้แบรนด์ค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ และท็อปส์ พลาซ่า
  5. เฮลธ์แอนด์เวลเนส จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพของคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ เช่น  ท็อปส์แคร์, ท็อปส์ วีต้า และเพ็ทแอนด์มี

โดยในไตรมาส ธุรกิจไฮไลท์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายคือ สินค้า “กลุ่มแฟชั่น” ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 โดยเฉพาะด้านผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty) ที่มียอดขายเติบโตสูงสุดในกลุ่ม และโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากมีการอัพเกรดและนำเข้าสินค้าใหม่ ๆ ในทุก category เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 

นอกจากนี้ ยังมีการขยายร้านค้าในเครือให้มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนาออมนิแพลตฟอร์ม และรีโนเวทห้างสรรพสินค้าสาขาต่างๆ เช่น ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว และพระราม 2 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก รวมถึงยังมีการรีโนเวทห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ให้เป็น Luxury Destination แห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย 

ขณะเดียวกันในประเทศอิตาลี ก็ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น ทำให้ห้างสรรพสินค้า รีนาเชนเตสามารถสร้างยอดขายเป็น “นิวไฮ” เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ส่วนธุรกิจในประเทศ “เวียดนาม” เซ็นทรัลรีเทล ยังคงครองเบอร์ 1 ในด้านศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต จากการขยายและปรับปรุงศูนย์การค้าต่างๆ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ที่มี Market share ในกลุ่ม FMCG สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดถึง 2 เท่า 

ขณะเดียวกันเซ็นทรัลรีเทล ก็ยังคงรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในเวียดนามอย่างเต็มที่ ด้วยการเดินหน้าขยายโมเดล mini go! ให้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคเวียดนามที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้

 

เตรียมเปิดสาขาเพิ่มใน ต.ฉลอง ภูเก็ต 20 ก.ย. นี้

สำหรับครึ่งปีหลัง เซ็นทรัลรีเทล มุ่งโฟกัสที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย 

โดยในวันที่ 20 กันยายนนี้ มีแผนที่จะเปิด “ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาฉลอง” ซึ่งจะเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ตและจะทำให้มีศูนย์การค้ารวมทั้งสิ้น 33 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาฉลอง จังหวัดภูเก็ต

ในส่วนกรุงเทพมหานคร เซ็นทรัล รีเทล ก็พร้อมลุยขยายธุรกิจในโซน “กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก” อย่างเต็มที่ หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาราชพฤกษ์ 

โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เซนจะฉลองการเปิดห้างสรรพสินค้า “เซ็นทรัล สาขาเวสต์วิลล์” ซึ่งถือเป็นห้างสรรพสินค้าสาขาที่ 76 ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตอบโจทย์ New CBD ของกรุงเทพฯ 

นอกจากนี้ภายในปี 2566 นี้ เซ็นทรัล รีเทล จะฉลองเปิดไทวัสดุครบ 80 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในประเทศเวียดนามครบ 39 สาขาทั่วประเทศ



advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT