จีนปลูกทุเรียนเองได้แล้ว! จ่อส่งล็อตแรกป้อนตลาดในประเทศ มิ.ย. นี้

จากผู้นำเข้ารายใหญ่ ในปัจจุบันประเทศทุเรียนเลิฟเวอร์อย่างจีนสามารถปลูกทุเรียนบริโภคเองภายในประเทศได้แล้ว โดยมีแพลนจะเก็บเกี่ยวล็อตแรกส่งเข้าตลาดเดือนมิถุนายนนี้ หวังลดราคาทุเรียนสดในประเทศ ลดพึ่งการนำเข้าจากประเทศอาเซียนรวมถึงไทย

จากการรายงานของสำนักข่าว CCTV ของจีนทุเรียนสดเมดอินไชน่าล็อตนี้จะถูกเก็บเกี่ยวจากฟาร์มในเมือง ‘ซันยา’ (Sanya) บนเกาะไห่หนานในทางตอนใต้ของจีนหลังจากการเพาะปลูกและดูแลมาถึง 4 ปี 

สื่อจีนรายงานว่าผลผลิตทุเรียนสดในล็อตนี้จะมีปริมาณมากถึง 2.45 ล้านกิโลกรัม โดยฟาร์มนี้สามารถผลิตทุเรียนได้ถึง 116.64 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 93.3 เฮกตาร์ หรือราว 0.933 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นมูลค่า 6,665 หยวน หรือราว 32,976 บาทต่อเฮกตาร์

ทางการจีนในเมืองซันยาวางแผนที่จะขยายการปลูกทุเรียนเป็น 3,333 เฮกตาร์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าผลผลิตทุเรียนจากเมืองซันยาจะสามารถสร้างรายได้ได้ถึง 5 พันล้านหยวน หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาทภายในปี 2028

ทำไมจีนจึงปลูกทุเรียนได้? และทำไมต้องพยายามปลูกเอง?

จีนได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรจากประเทศอาเซียนในการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจีนเพื่อพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศของเกาะซันยา ซึ่งได้สมญานามว่าเป็น “ฮาวายจีน” เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงด้านชายหาดและกิจกรรมทางทะเล และมีอากาศร้อนชื้นเหมาะกับการปลูกทุเรียน

จากการรายงานของ SCMP ทุเรียนพันธุ์ใหม่ของจีนชนิดนี้จะมีปริมาณน้ำตาลที่สูงกว่าทุเรียนจากอาเซียน และมีวงจรการเติบโตที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในจีนได้

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผลผลิตทุเรียนของจีนจะสามารถลดราคาทุเรียนสดภายในประเทศได้ เพราะก่อนหน้านี้จีนต้องนำเข้าทุเรียนสดจากประเทศอาเซียนทั้งหมด เช่น ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคภายในประเทศ ทำให้ราคาทุเรียนสดพุ่งสูง กลายเป็นสินค้าพรีเมียมสำหรับคนรวยในเมืองใหญ่ และเป็นอาหารที่เอื้อมไม่ถึงสำหรับคนรายได้ต่ำไป

จากข้อมูลของ หอการค้าการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของจีน (CFNA) ทุเรียนสดเป็นผลไม้ที่จีนนำเข้ามากที่สุดจากต่างประเทศ โดยในปี 2022 จีนนำเข้าทุเรียนถึง 825,000 ตัน มูลค่ารวมถึง 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.37 แสนล้านบาท และผู้ส่งออกทุเรียนสดไปจีนรายใหญ่ที่สุดก็คือ “ประเทศไทย” ที่ครองตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนเป็นสัดส่วนถึง 95-96% 

จากข้อมูลของ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2022 ไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีนเป็นมูลค่าทั้งหมด 3.097 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.29% จากปี 2021

ผู้ส่งออกทุเรียนไทยจะได้รับผลกระทบหรือไม่?

จากการวิเคราะห์ของ Weng Ming นักวิจัยที่สถาบันพัฒนาชนบทของจีน การเข้ามาของทุเรียนที่ปลูกในจีนน่าจะลดราคาของทุเรียนสดภายในประเทศได้ แต่ปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากปริมาณก็คือ ‘รสชาติ’ เพราะถ้าทุเรียนจากจีนมีรสชาติอร่อยสู้ทุเรียนที่นำเข้าจากประเทศอาเซียนไม่ได้ และในอดีตที่ผ่านมา จีนก็ยังไม่เคยปลูกผลไม้ต่างประเทศที่มีรสชาติดีสู้ผลไม้ที่นำเข้าเข้ามาได้

เพราะฉะนั้น Weng จึงสรุปว่าผลผลิตทุเรียนของจีนไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญอะไรต่อผู้ส่งออกทุเรียนสดจากอาเซียน รวมถึงไทย เพราะด้วยรสชาติที่ดี ทุเรียนสดจากอาเซียนจะสามารถรักษาภาพลักษณ์สินค้าพรีเมียม และระดับราคาที่สูงของตัวเองเอาไว้ได้

โดย Weng มองว่าการพัฒนาในครั้งนี้เป็นไปเพื่อการร่วมมือระหว่างประเทศมากกว่าจะเป็นการแข่งขัน เพราะความสำเร็จของจีนในการปลูกทุเรียนในครั้งนี้ก็เป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากประเทศอาเซียน

จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ huaon.com ตลาดขายปลีกทุเรียนสดของจีนน่าจะมีมูลค่าถึง 1.3 แสนล้านหยวนภายในปี 2026

ที่มา: SCMP, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์