ธุรกิจการตลาด

AWC กำไรปี65  พุ่งแรง 280 % เฉียด 4พันล้าน ธุรกิจโรงแรม อสังหาฯฟื้นตัว

27 ก.พ. 66
AWC กำไรปี65  พุ่งแรง 280 % เฉียด 4พันล้าน ธุรกิจโรงแรม อสังหาฯฟื้นตัว
ไฮไลท์ Highlight

โรงแรมกลุ่มAWC

หลังโควิดคลี่คลาย การเปิดประเทศส่งผลให้นักท่องต่างชาติเดินเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นทะลุ 11 ล้านคน ธุรกิจในภาคบริการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ต่างมีผลประกอบการที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนหากเทียบกับปี 2564 


ล่าสุดบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 4/2565 ว่า บริษัทมีกำไรก้าวกระโดด โดยรวมปีทั้งปี2565 กำไรสุทธิ 3,981 ล้านบาท เพิ่มมากกว่า 2.8 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งร่วมขับเคลื่อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้วยสินทรัพย์คุณภาพที่เพิ่มขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง 

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปี มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 1,438 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมกำไรสุทธิตามงบการเงินปี 2565 อยู่ที่ 3,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากกว่าร้อยละ 280 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

khunwallapatraisorat

ผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มโรงแรม มาจากความสามารถในการสร้างอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate หรือ ADR) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ AWC จากปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในครึ่งหลังของปี 2565 จากการเติบโตของธุรกิจแสดงให้เห็นศักยภาพขององค์กรในการสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และพร้อมหนุนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

ธุรกิจโรงแรม Q4ปี65 กวาดรายได้ 2,499 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ โดยมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวด้วยตัวเอง จำนวนกว่า 11.8 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจนี้กลับมาเติบโตขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมประชุมสัมมนา (MICE) กลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ กลุ่มรีสอร์ทระดับลักซ์ซูรี รวมถึงเซ็กเมนต์อาหารและเครื่องดื่มจากงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น

โดยในไตรมาส 4 นี้ ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC อยู่ที่ร้อยละ 63.5 และมีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) อยู่ที่ 5,697 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 45.7 เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงที่สุดตลอดการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท

 

นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2565 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการมีรายได้จากการดำเนินงาน 2,499 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) กว่า 848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อยู่ที่ร้อยละ 11,535 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมี Revenue Generation Index (RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อย่างเช่น โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 223.6 โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI เท่ากับ 184.4 และโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 176.8 

 

เดินหน้าลงทุนโรงแรมและบริการใหม่เสริมพอร์ต

สำหรับแผนการดำเนินงานธุรกิจโรงแรม และการบริการ AWC ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเสริมพอร์ตคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการ ด้วยการเข้าลงทุนในโรงแรม เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต และโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ เพื่อใช้ศักยภาพและความได้เปรียบในการพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพเสริมความได้เปรียบในการแข่งขันและเสริมพอร์ตทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทในฐานะทรัพย์สินดำเนินงานที่สามารถรับรู้รายได้ในทันที รวมถึงโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินอยู่ในระหว่างการพัฒนา ส่งผลให้ในสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทมีจำนวนโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์ดำเนินการทั้งหมด 20 โรงแรม รวม 5,458 ห้อง ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มี 16 โรงแรม และจำนวนห้องรวม 3,432 ห้อง

bangkokmarriotthotelthesu

 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ปี65 รับรู้กำไรกว่า 4,920 ล้านบาท

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันจากแผนพัฒนาและปรับกลยุทธ์ของโครงการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาคาร “เอ็มไพร์” ภายใต้แนวคิด Co-Living Collective: Empower Future หรือโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เพื่อสร้างแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำใหญ่ที่สุด ผ่านประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” และกิจกรรมความบันเทิงร่วมกับเดอะ วอลต์ ดิสนีย์ ใน “DISNEY100 VILLAGE AT ASIATIQUE” รวมถึงการที่บริษัทได้รับกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 จำนวนกว่า 4,920 ล้านบาท แสดงให้เห็นการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่องของพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพซึ่งมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน

 

โดยภาพรวมของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า มีผลการดำเนินการที่เติบโตต่อเนื่องครอบคลุมเกือบทุกเซ็กเมนต์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาครึกครื้น โดยเฉพาะในกลุ่มคอมมูนิตี้ช็อปปิ้งมอลล์ ส่งผลให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 18 

 

นอกจากนี้ศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ก็มีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการเพิ่มขึ้น และการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้เช่าตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกกลุ่มผ่านกิจกรรมพิเศษต่างๆ ตลอดทั้งปี

 

กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเติบโต

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน ยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มปี 2565 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ซึ่งเป็นผลมาจากศักยภาพของอาคารสำนักงานเกรด A ที่คำนึงด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ AWC ได้ยกระดับมาตรฐานใหม่เป็นครั้งแรกของวงการอาคารสำนักงาน ด้วยการมอบพื้นที่ 1,500 ตร.ม. ให้เป็น Co-Living เปิดประสบการณ์พิเศษ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายให้ผู้เช่าได้เสริมรูปแบบการกลับมาทำงานแบบ New Normal อีกทั้งช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลก และเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในใจของคนทำงานรุ่นใหม่ 

 

“AWC มุ่งมั่นยกระดับเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ตอบรับนโยบายปีท่องเที่ยวไทย 2566” ผ่านการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เพิ่มเรื่องของพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  สร้างมูลค่าและผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นที่จะส่งผ่านเป็นอิบิทดาในสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยในปี 2566 นี้ AWC ยังคงพัฒนาโครงการต่างๆ ในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อจะเปิดให้บริการในปีนี้ เช่นโรงแรม อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง และโรงแรมแมริออท เชียงใหม่ อีกทั้งจะยกระดับมาตรฐานใหม่ของกลุ่มอาคารสำนักงาน การพัฒนาโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน” นางวัลลภา กล่าว

 

นอกจากนี้ AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อ “สร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ผ่านกรอบการดำเนินงาน 3 เสาหลัก (3BETTERs): Better Planet, Better People, Better Prosperity โดยล่าสุด AWC ได้ติดอันดับรายงานความยั่งยืน S&P CSA Yearbook 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็น “Top 1% S&P Global ESG Score 2022” และรางวัล “Industry Mover” ในฐานะบริษัทที่มีความยั่งยืนของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ โดยความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้พันธกิจสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT