เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นนั่นคือ โซนี่ และ ฮอนด้า ได้ประกาศความร่วมมือกันภายใต้บริษัท Sony Honda Mobility ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 2 บริษัทต่างก็ได้มีการพัฒนาของตัวเองอยู่แล้ว แต่การพัฒนาร่วมกันนี้จึงจะมีความพิเศษมากขึ้น เพราได้ร่วมเอาความชำนาญของทั้ง 2 บริษัทมาผนวกกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมีความคืบหน้าเมื่อ Sony Honda Mobility หรือ SHM ประกาศว่า จะเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ในปี 2026 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า โดยตลาดแรกคือ สหรัฐอเมริกา จากนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปีสามารถส่งมอบรถในตลาดญี่ปุ่นได้ นั่นเท่ากับว่า SHM จะเริ่มให้จองรถได้ล่วงหน้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 การแถลงการณ์ดังกล่าวถือว่า มีความคืบหน้ามากที่สุด นับตั้งแต่ประกาศลงทุนร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีรายละเอียดของราคารถออกมา
ประเด็นที่น่าสนใจต่อมา คือ รถที่ SHM กำลังพัฒนากันอยู่นั้นไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้า EV ธรรมดา แต่ CNBC รายงานว่า SHM มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนา "ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 “ อีกด้วย ซึ่งเงื่อนไขการพัฒนารถไฟฟ้าอัตโนมัติตามที่ SAE International ซึ่งเป็นผู้กำหนดระดับการขับขี่อัตโนมัติ 5 ระดับได้กำหนดไว้ว่า สามารถพัฒนาได้ถึงขนาดเป็นรถอัตโนมัติแบบไร้คนขับเลยทีเดียว แต่สำหรับ SHM คาดว่า จะเป็นระดับ 2 ที่มี"ระบบอัตโนมัติในการขับขี่บางส่วน" และระดับ 3 ยังขับยานพาหนะภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
นอกจากระบบอัตโนมัติแล้ว SHM กำลังมองหา "ความเป็นไปได้ด้านความบันเทิงใหม่ ๆ ผ่านนวัตกรรมดิจิทัลเช่น metaverse" ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้อีกด้วย โดยรถยนต์ของ SHM จะผลิตโรงงานฮอนด้าในอเมริกาเหนือ
สำหรับความร่วมมือของ SHM เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ทั้งสองบริษัทได้ลงนามการเป็น พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และต่อมาในเดือนมิถุนายน มีการลงนามข้อตกลงร่วมทุนเพื่อจัดตั้ง Sony Honda Mobility ขึ้น
สำหรับฮอนด้า ในเดือนเมษายนฮอนด้ากล่าวว่ามีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่นทั่วโลกภายในปี 2573 และจะจัดสรรเงินประมาณ 5 ล้านล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 33.9 พันล้านดอลลาร์) เพื่อผลิตแบตเตอรี่กับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ด้วย ซึ่งแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้าทำให้สามารถแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ของ Elon Musk รวมไปถึง Volkswagen ฟอร์ด
ส่วน ในปี 2020 Sony เองได้จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบในงานแถลงข่าวที่งาน CES 2020 ที่ลาสเวกัสนอกจากนี้ Sony ได้เปิดตัวรถไฟฟ้า 2 รุ่นทั้งซีดาน และ SUV นั่นคือ vision S 01 และ vision S 02 อีกด้วย
ความชำนาญจากยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ คือในด้านการผลิตรถยนต์ของ ฮอนด้า และความเป็นผู้นำด้าน Entertainment ของ โซนี่ทำให้น่าจับตามองมากว่า รถยนต์ไฟฟ้าจาก SHM จากญี่ปุ่นจะโดนใจผู้บริโภคและสู้กับค่ายยักษ์ทั้งสหรัฐฯและจีนที่กำลังแข่งขันกันดุเดือดได้หรือไม่ ขณะที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้