ธุรกิจการตลาด

จากกาแฟปั๊ม สู่ กาแฟบ้าน Cafe Amazon รุกตลาด "กาแฟแคปซูล"

10 ต.ค. 65
จากกาแฟปั๊ม สู่ กาแฟบ้าน Cafe Amazon รุกตลาด "กาแฟแคปซูล"

จากกาแฟปั๊ม สู่ กาแฟบ้าน Cafe Amazon เริ่มบุกตลาด "กาแฟแคปซูล" ขายทั้งเครื่องชง-กาแฟแคปซูล เจาะตลาดกาแฟในบ้าน 3.3 หมื่นล้านบาท


หลังจากที่สร้าง "ภาพจำ" เป็นร้านกาแฟที่มีในทุกปั๊มของปตท. และเริ่มขยายสาขาสแตนอโลนออกไป จนกลายเป็นร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย (3,728 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 2) 

ล่าสุด "คาเฟ่ อเมซอน" (Cafe Amazon) ได้หันมาทำตลาด "กาแฟแคปซูล" แล้ว เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ได้สะดวกออกไปซื้อกาแฟข้างนอกทุกวัน รวมถึงกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศที่ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูล หรือเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กกันมากขึ้นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

Cafe Amazon เริ่มวางจำหน่ายกาแฟแคปซูลด้วยกัน 2 รสชาติ คือ Amazon Signature และ Amazon Selected โดย 1 กล่องบรรจุ 10 แคปซูล สนนราคา 200 บาท/กล่อง ทั้ง 2 รสชาติ สามารถเลือกซื้อได้ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซหลายแพลตฟอร์มและหน้าร้าน Amazon หลายสาขา นอกจากนี้ ยังจำหน่ายเครื่องชงกาแฟแคปซูลอีกด้วย ในราคาเครื่องละ 2,950 บาท

เว็บไซต์ Cafe Amazon ระบุว่า กาแฟแคปซูลของอเมซอนจะให้รสชาติและคุณภาพเหมือนกับนั่งดื่มที่ร้าน โดยใช้เมล็ดกาแฟเกรดเดียวกันกับในร้านคาเฟ่ อเมซอน คั่วด้วยเทคนิคเฉพาะสำหรับกาแฟแคปซูล และชนิดของเมล็ดกาแฟ และบดละเอียดในขนาดที่พอเหมาะเพื่อรสชาติที่สม่ำเสมอ

นอกจากตัวกาแฟแล้ว วัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์แคปซูลยังใช้เป็นลูมิเนียมทึบแสง มาตรฐานยุโรป จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถนำมารีไซเคิลเพื่อลดขยะได้อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ Cafe Amazon ได้ทำตลาดกาแฟในบ้านไปบ่างแล้ว ในส่วนของเมล็ดกาแฟคั่วบรรจุซอง กาแฟสกัดเย็นแบบซอง และช็อกโกแล็ตพร้อมชง ซึ่งวางจำหน่ายทั้งสาขาหน้าร้านและแพล็ตฟอร์มออนไลน์เช่นกัน 

307310178_6173829482645338_52

ทั้งนี้ จากข้อมูลของเว็บไซต์ Coffee traveler ซึ่งอ้างอิงรายงานสถานการณ์ตลาดกาแฟไทยของบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ระบุว่า ตลาดกาแฟในประเทศไทยปี 2563 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟในบ้าน (กาแฟสำเร็จรูป/เมล็ดกาแฟชงเง) 33,000 ล้านบาท และตลาดกาแฟนอกบ้าน (ร้านกาแฟ) 27,000 ล้านบาท

ตลาดกาแฟในบ้านมีการเติบโตขึ้นจากเทรนด์การบริโภคในยุค New Normal จากภาวะโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดเทรนด์การบริโภคแบบใหม่ คือ การกลับมาดื่มกาแฟสำเร็จรูปหรือหันมานิยมชงกาแฟดื่มเองแทนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา จึงมองว่าการชงกาแฟดื่มเองมีความประหยัดและคุ้มค่ามากกว่าการสั่งเดลิเวอรี่ ส่งผลให้คนไทยหันมาดื่มกาแฟในบ้านมากขึ้นจนมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.7% 

ประกอบกับข้อมูลจากสมาคมกาแฟพิเศษไทย พบว่า ยอดขายของกาแฟมีการกลับเข้าสู่สภาวะปกติ 85% ช่วยฟื้นยอดขายจากเดือนเมษายนที่หายไปราว ๆ 70% ด้วยคุณภาพของกาแฟไทย โดยเฉพาะกาแฟพิเศษที่ถูกให้ความสนใจกับเหล่าผู้บริโภคมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลประกาศนโยบายที่เน้นการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ทำให้ผู้บริโภคที่เคยดื่มกาแฟนอกบ้านหันมาให้ความสนใจกับการชงกาแฟดื่มเองมากขึ้นนั่นเอง

ปัจจุบัน มีหลายบริษัทที่หันมาจับธุรกิจกาแฟในบ้านที่กำลังเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม "กาแฟแคปซูล" ที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกให้ผู้บริโภคยุคใหม่ทั้งในบ้านและในออฟฟิศ นำโดย เนสกาแฟ ที่มีทั้งเครื่องชงและกาแฟแคปซูล Dolce Gusto, Nespresso ขณะที่หลายแบรนด์ก็ทำกาแฟแคปซูลออกวางจำหน่าย เช่น Starbucks, ดอยช้าง , ม่อนดอยหลวง, Duchess, illy และอีกหลายแบรนด์

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT