Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
AWC ทุ่ม 1.2 พันล้าน สร้างดินแดนไดโนเสาร์ Jurassic World
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

AWC ทุ่ม 1.2 พันล้าน สร้างดินแดนไดโนเสาร์ Jurassic World

11 ส.ค. 68
16:30 น.
แชร์

AWC ทุ่ม 1,200 ล้านบาท สร้างดินแดนไดโนเสาร์ ‘Jurassic World : The Experience’ เนรมิตพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ใจกลางกรุงฯ ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้ผู้มาเยือน

ใครจะไปคิดว่า ประเทศไทยจะสามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวระดับโลกได้จริง! โดยผู้เขียนได้มีโอกาสไป Jurassic World : The Experience ที่ตั้งอยู่ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น โดยจะเป็นการรีวิวจากประสบการณ์ส่วนตัวตลอดการผจญภัยกว่า 90 นาที

Jurassic World : The Experience คืออะไร ?

Jurassic World : The Experience คือ สถานที่ที่จะพาทุกคนเข้าไปอยู่ในโลกของไดโนเสาร์แบบอิมเมอร์ซีฟ หรือพูดง่ายๆก็คือสวนสนุกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนต์ ‘Jurassic World’ จาก Universal Pictures และ Amblin Entertainment นั่นเอง

บอกเลยว่าหากใครเป็นแฟนภาพยนต์ Jurassic World นี่คือสถานที่ที่คุณห้ามพลาด เพราะ AWC เนรมิตพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตรบนเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น พร้อมทุ่มเงินกว่า 1,200 ล้านบาทเพื่อมอบประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ให้เหมือนว่าเราหลุดไปในโลกของไดโนเสาร์จริงๆ

โดยโปรเจกต์นี้เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตรระดับโลกอย่าง

  • AWC เจ้าของพื้นที่
  • NEON ผู้สร้างประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟและเครื่องเล่นระดับโลก
  • Universal Live Events & Location Based Entertainment หน่วยงาน ของ Comcast NBCUniversal ผู้ออกแบบ สวนสนุกระดับโลก โรงแรมและรีสอร์ท เกม อาหาร และความบันเทิงในรูปแบบไลฟ์

Jurassic World: The Experience เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 22:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 21:00 น.) ราคาบัตรเริ่มต้นที่ 579 บาท สำหรับเด็กอายุ 3-10 ปี สำหรับผู้ใหญ่ หรือเด็กอายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป ราคา 769 บาท สามารถซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ทางเว็บไซต์

เปิดความสนุก พร้อมผจญภัยโลก Jurassic World กว่า 10 ฐาน

โดยจากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ได้มีโอกาสไป Jurassic World : The Experience มาต้องบอกเลยว่าสนุกมาก และทำถึงมาก ทั้งแสง สี เสียง ความยิ่งใหญ่ของตัวไดโนเสาร์ที่มีการเดิน การวิ่ง หรือการคำราม เหมือนว่าเรากำลังไปผจญภัยในโลกนั้นจริงๆ

โดยแต่ละรอบในการเดินทาง จะมีนักเดินทางเพียงแค่ 30 คน เพื่อความสนุกตลอดการผจญภัย หนึ่งในความรู้สึกที่ยังคงประทับใจคือ ‘ทีมงาน’ ที่คอยบิ้วอารมณ์และความรู้สึกของผู้ร่วมออกเดินทาง เช่น ห้องนี้เป็นห้องของไดโนเสาร์ที่กินเนื้อ ทุกคนต้องฟังคำแนะนำจากทีมงานให้ดีเพราะตอนนี้มีไดโนเสาร์ 1 ตัวที่หลุดอยู่หากใครไม่ฟังอาจเกิดอันตรายได้

หรือแม้แต่การถ่ายรูปกับน้องไดโนเสาร์ตัวเล็กๆ ซึ่งจะมีทีมงานคอยอุ้มอยู่ตลอด (เราไม่สามารถอุ้มได้) โดยเราทำได้เพียงจับและสัมผัสน้อง ซึ่งระหว่างที่เราสัมผัสน้องจะลืมตาและหลับตา ความรู้สึกเหมือนน้องมีชีวิตจริงๆ และความเล่นใหญ่ของทีมงานคือมีการบิ้วผู้ออกเดินทางทุกคนโดยหากใครสัมผัสน้องต้องระวังเล็บที่อาจเกี่ยวน้องหรือหากใครใส่เเหวนแนะนำให้ถอดออกก่อนหรือใช้มืออีกข้างเพื่อป้องกันน้องได้รับบาดเจ็บ และความรู้สึกนี้เองนี่แหละที่ทำให้ผู้ออกเดินทางรู้สึกอินตามไปกับการผจญภัย ตลอด 10 ฐาน ได้แก่

  1. Origins of Wonder ต้นกำเนิดแห่งความมหัศจรรย์ของเกาะอิสลา นูบลาร์ ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านภาพและเสียงสมจริง
  2. Arrival at Isla Nublar เดินทางสู่เกาะ อิสลา นูบลาร์ กับประตูทางเข้า Jurassic World อันเป็นเอกลักษณ์ที่ตั้งตระหง่านต้อนรับทุกคนเข้าสู่โลกไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์
  3. A Close Encounter with Giants เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่แห่งโลกล้านปี เหนือยอดไม้สูงเสียดฟ้า สัมผัสช่วงเวลาสุดระทึกเมื่อได้เผชิญหน้ากับ บราคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ร่างยักษ์ที่เคลื่อนไหวท่ามกลางสายหมอก และเบื้องล่างยังมีแขกพิเศษอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่พร้อมปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาการให้อาหาร
  4. The Petting Zoo สัมผัสไดโนเสาร์รุ่นเยาว์ ตั้งแต่ลูกไดโนเสาร์ที่กำลังทดสอบความแข็งแรงของตัวเอง ไปจนถึงเจ้าตัวน้อยขี้เล่นวัยอยากรู้อยากเห็นที่กำลังเรียนรู้โลกใบใหม่ ประสบการณ์เข้าสู่ความมหัศจรรย์ของ Jurassic World
  5. The Predator Pavilion ดินแดนนักล่าดึกดำบรรพ์ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ของเหล่านักล่าแห่งโลกล้านปี ดินแดนของไดโนเสาร์กินเนื้อที่น่าเกรงขามที่สุดของ Jurassic World เผชิญหน้ากับ เวโลซีแรปเตอร์ (Velociraptor)
  6. The Observation Deck จุดชมวิว หอสังเกตการณ์ไฮเทคค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ป่าดงดิบหนาทึบ ที่ซึ่ง อินโดไมนัส เร็กซ์ (Indominus rex) นักล่าสุดอันตรายกำลังเคลื่อนไหวและเฝ้ามอง
  7. A Fight for Survival ผจญภัยเพื่อเอาชีวิตรอด เสียงสัญญาณเตือนดังทั่วผืนป่า ในขณะที่คุณกำลังเดินลัดเลาะผ่านช่องทางซ่อมบำรุงแคบ ๆ และเผชิญหน้ากับ คาร์โนทอรัส (Carnotaurus)
  8. Lost in the Jungle หลงในป่าดงดิบ ลัดเลาะเอาชีวิตรอดจนมาสู่ใจกลางป่าดงดิบ พบกับเศษซากจากอดีตกับป้าย Jurassic Park ที่หลงเหลืออยู่ และรถจี๊ปที่ถูกเถาวัลย์ปกคลุมจนเกือบมิด จนกระทั่ง ไดโลโฟซอรัส (Dilophosaurus) ก้าวออกมา พร้อมกับแผงคอสีสันสดใส
  9. Caged Up กรงปริศนา กรงนกยักษ์สูงเสียดฟ้าปรากฏอยู่เบื้องหน้า เผชิญหน้า เทอราโนดอน (Pteranodon) ที่พุ่งชนผนังกรง ขณะที่ สไตกิโมล็อค (Stygimoloch) ยืนจ้องมองผู้มาเยือน
  10. The Final Escape การหลบหนีครั้งสุดท้าย ในห้องวิจัยที่ดูปลอดภัยได้เพียงไม่นาน เจอกับเสียงฝีเท้าของ ทีเร็กซ์ (T. rex) กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา ส่งเสียงคำรามไปทั่วป่าก่อนที่ประตูทางออกจะปิดลงทันเวลาอย่างหวุดหวิด

นอกจากนี้ นักเดินทางยังสามารถปิดท้ายการผจญภัยที่ Jurassic World: The Experience Retail Store ร้านค้าธีมบังเกอร์นิรภัยที่ผู้เข้าชมจะได้เลือกซื้อของที่ระลึกจากการผจญภัยกลับบ้านเป็นความทรงจำสุดพิเศษ ภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้าและของสะสมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ถ่ายทอดเรื่องราวและจิตวิญญาณของ Jurassic World ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นบทสรุปที่น่าประทับใจของการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในโลกแห่งจูราสสิคก่อนกลับบ้าน

ห้องอาหาร Jurassic World ครั้งแรกของโลก!

ภายในโปรเจกต์นี้ ยังมี ห้องอาหาร Jurassic World: The Experience Fossil & Flame Restaurant ที่เป็นครั้งแรกของโลก ที่รังสรรค์ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การออกแบบตกแต่งภายในอย่างประณีต ไปจนถึงเมนูอาหารที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างประสบการณ์อย่างต่อเนื่องให้แก่นักเดินทางทุกคนต่อไปในโลกยุคดึกดำบรรพ์ โดยห้องอาหารแห่งนี้มีพื้นที่รวม 2,061 ตารางเมตร รองรับแขกทั้งโซนภายในและภายนอกได้กว่า 256 ที่นั่ง โดยมีนูแนะนำอย่างเช่น

  • Tree Top Nacho Tower หอคอยนาโช่กรอบท็อปด้วยชีสและซัลซ่า
  • Rack of Bones Mesquite Baby Back Pork Ribs โครงหมูอ่อนย่างซอสเมสกีตสไตล์เท็กซัส
  • Baked Sea Bass ปลากะพงอบซอส ที่ได้รับการรังสรรค์รสชาติมาอย่างพิถีพิถัน
  • Molten Chocolate Egg ช็อกโกแลตเอ้กลาวาเสิร์ฟพร้อมบราวนี่และไอศกรีมวานิลลา

สำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองรสชาติภายในห้องอาหาร Jurassic World: The Experience Fossil & Flame Restaurant สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์

โดยคุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ได้เล่าว่า “AWC ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำแฟรนไชส์ระดับโลกอย่าง Jurassic World: The Experience มาสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง NEON และ Universal Destinations & Experiences พร้อมการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเครือข่ายพันธมิตรของเรา ที่ร่วมรวมพลังในการสร้างสรรค์ประสบการณ์เรียนรู้เพื่อความยั่งยืน  ‘Better World Better Future’ ภายใน Hatch Dome และยังเปิดพื้นที่พิเศษ River Lawn สนามเด็กเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนและกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับครอบครัวและชุมชน โดยพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดเมื่อรวม Jurassic World: The Experience ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 10,000 ตารางเมตร”

โครงการระดับแลนด์มาร์กนี้สะท้อนกลยุทธ์ของ AWC ในการพัฒนาจุดหมายปลายทางไลฟ์สไตล์ที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจและสามารถมาเยือนได้ตลอดทั้งปี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดยประสบการณ์พิเศษทั้งหมดนี้พร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางมาสู่ประเทศไทยและช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ในการสำรวจโลกแห่งวิทยาศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ และแนวคิดด้านความยั่งยืนผ่านประสบการณ์ที่สนุกและเปี่ยมด้วยความหมาย สอดคล้องกับพันธกิจของ AWC ในการ “Building Better Future For All” โดยไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังจุดประกายความตระหนักรู้ สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระยะยาวให้กับชุมชน และส่งต่อคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้คนและโลกของเรา

รูปภาพทั้งหมด

แชร์
AWC ทุ่ม 1.2 พันล้าน สร้างดินแดนไดโนเสาร์ Jurassic World