มาม่า x ไวไว จากคู่แข่งสู่คู่ค้า ไม่ทำสงครามราคา แต่จับมือ สู้ศึก
ในช่วงที่ผ่านมาเราน่าจะได้เห็นข่าว สุกี้ตี๋น้อย กับ MK ต่างหั่นราคากันไปหมาดๆ เพื่อช่วงชิงผู้บริโภค หรือก่อนหน้านั้นก็น่าจะได้เห็นศึกค่ายรถ EV จีน ที่ห้ำหั่นราคาปล่อยหมัดต่อหมัด ปรับราคาลงกันจนผู้บริโภคอย่างเราตามไม่ทัน ซึ่งนี่คือตัวอย่างของ ‘สงครามราคา’
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
และหากใครที่ดูซีรีย์ ‘สงคราม ส่งด่วน’ น่าจะได้เห็นคำพูดที่ว่า "อย่าเริ่มทำสงครามราคา เพราะถ้าทุกเจ้าแข่งกันลด ตลาดมันจะพัง" ไม่แปลกหากการขายของประเภทเดียวกันที่เป็นคู่แข่งกัน จะสร้างกลยุทธ์เรื่องราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าและแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่ง
สำหรับผู้บริโภคอย่างเรา หากมองเป็นข้อดีคือการที่เราจะได้ประหยัดเงินในกระเป๋า ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ใครก็ต่อใครก็อยากได้ของถูกและดี แต่สุดท้ายแล้วนี่อาจเป็นข้อเสียของเจ้าของแบรนด์ หากไม่ควบคุมให้ดีก็อาจเสี่ยงขาดทุน ไปจนถึงเจ๊งได้
มาม่า x ไวไว จากคู่แข่งสู่คู่ค้า
แต่ล่าสุด มาม่า x ไวไว ได้สร้างปรากฎการณ์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หันมาจับมือกัน หรือการทำ Collaboration กันผ่านการโพสต์ Facebook ของกันและกัน
โดยเริ่มแรก มาม่า ได้โพสต์ก่อน ผ่านการเปลี่ยรูปโปรไฟล์ทเป็นโลโก้ของ ไวไว พร้อมกับแคปชั่น #แวะกินยี่ห้ออื่นบ้างนะงับ แน่นอนว่าชาวเน็ตและผู้บริโภคอย่างเราเมื่อได้เห็น ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นความตกใจ ที่ได้เห็นแบรนด์คู่แข่งกันได้ช่วยกันโปรโมทแบรนด์กันและกัน
ซึ่งตอนนั้นเรียกได้ว่าชาวเน็ตงงกันทั้งประเทศ และได้มีข้อสันนิฐานต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ว่านี่จะเป็นการควบรวมกิจการหรือเปล่า หรืออยู่ดีๆ 2 แบรนด์คู่แข่งในตำนานเกิดรักกัน?
หลังจากนั้น เราก็ได้เห็น ไวไว ได้โพสต์ Facebook ขอบคุณมาม่า ด้วยแคปชั่น “น้องไวไว ขอบคุณน้องมาม่ามากนะงับ” เตรียมพบกับความหลากหลายของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมกับการโพสต์รูปแบรนด์ ไวไว wow และ มาม่า ok
และไม่ปล่อยให้นานเกินรอ ผู้บริหารฝั่งมาม่า ได้ออกมาแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาม่าและไวไว ไม่ได้ควบรวมกิจการกัน แต่จะจับมือกันเพื่อหวังให้ตลาดคึกคัก เพราะตอนนี้กำลังซื้อหด ทุกแบรนด์ไม่ว่าจะมาม่าหรือไวไว หรือแบรนด์อื่นๆก็ได้รับผลกระทบหมด ทางรอดในตอนนี้คือการช่วยเหลือกัน collaboration กัน เพราะการแข่งขันในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องหั่นราคา แต่แข่งขันกันเสมอไป ลูกค้ามีสิทธิเลือกสินค้าที่พวกเขาพึงพอใจ
มาม่า มี ‘มาม่า ok’ ไวไว ก็มี ‘ไวไว wow’
หากใครที่เป็นแฟนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เชื่อว่าแบรนด์ ‘มาม่า’ และแบรนด์ ‘ไวไว’ คือ 2 แบรนด์ที่เรานึกถึงอย่างแน่นอน ซึ่งจากบทวิเคราะห์วิจัยของกรุงศรี พบว่า ปี 2564 อุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่ามากถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งการแข่งขันภายในประเทศค่อนข้างรุนแรงจากกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ 3 ราย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 86.7% ของมูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย
- มาม่า - บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ มีส่วนแบ่งตลาด 47.6%
- ไวไว - บจก.โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย มีส่วนแบ่งตลาด 23.7%
- ยำยำ - บจก.วันไทยอุตสาหกรรมอาหาร มีส่วนแบ่งตลาด 15.4%
และทุกคนก็น่าจะต้องรู้จักแบรนด์ ‘มาม่า ok’ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของมาม่าที่มีความพรีเมียม ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว “MAMA OK” แบบซอง กับ 2 รสชาติ “ทงคตสึ” และ “กิมจิซีฟูด” ในขนาด 85 กรัม ราคาซองละ 15 บาท
และในวันเดียวกันไวไว ได้เปิดตัว ‘ไวไว wow’ ชูกลยุทธ์ราคาเข้าถึงได้ เพียงซองละ 11 บาท หลังพฤติกรรมผู้บริโภคให้การยอมรับสินค้าพรีเมียมเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ไวไวคาดว่าจะกวาดยอดขายปีแรก 300 ล้าน ในตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วน 10-15% หรือประมาณ 3,000-4,500 ล้าน พร้อมตั้งเป้า 3 ปีโกยแชร์ 25%
ขณะเดียวันบริษัทยังมีแผนการตลาดและกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ เสริมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบประมาณการตลาด 10-15% ของยอดขาย เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เช่น การพัฒนาเกมออนไลน์ หรือการเข้าร่วมกับเกมออนไลน์ในการทำกิจกรรมการตลาด การใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างแบรนด์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นตามโรงเรียนต่าง ๆ การใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารการตลาด
อ้างอิง : วิจัยของกรุงศรี , FB ของ มาม่า , ไวไว และ ข่าวประชาสัมพันธ์ของทั้ง 2 แบรนด์
