19 ธ.ค.64เมื่อวานนี้ในรายการ "รัฐบาลเล่าเรื่อง โดยทีมนารีสโมสร" เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ให้จับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ธ.ค.มีเรื่องของขวัญที่รัฐบาลจะมอบให้กับประชาชน ตามที่นายกฯ ได้มีข้อสั่งการให้ทุกๆ กระทรวงไปจัดเตรียมให้กับประชาชน
ซึ่งที่เปิดเผยออกมาบ้างแล้ว เช่น กระทรวงการคลัง มีมาตรการผ่อนดีมีคืน ของธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ส่วนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการระบาดโรคโควิด-19 นั้นนายกฯ ได้ขอบคุณที่ได้ดูแลประชาชนคนไทยมาเป็นอย่างดี และจะได้มอบขวัญและกำลังใจเล็กน้อยต่อไปอีก 6 เดือน เดือนละ 500 บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยนายกฯ จะอนุมัติงบกลาง จำนวน 3,510 ล้านบาท
นอกจากนี้ก่อนการประชุม ครม.จะมีการประชาสัมพันธ์เรื่องเกี่ยวกับการจัดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อะเมซิ่งไทยแลนด์เคาต์ดาวน์ นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะมาประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และกระทรวงวัฒนธรรมจะมาประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
สำหรับรายละเอียด “ผ่อนดีมีคืน” ก่อนหน้านี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยแถลงว่า
1.ธนาคารออมสิน คืนเงิน 500 บาทให้กับลูกค้าที่มีประวัติการชำระดีต่อเนื่อง 3 ปี ภายใต้เงื่อนไขสัญญาสินเชื่อไม่เกิน 200,000 บาท นอกจากนี้ ยังจัดแคมเปญเงินฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (ช่วงปีใหม่) ตั้งแต่วันนี้-29 ธ.ค.65 โดยกำหนดรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาท 20 รางวัล
2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จัดโครงการชำระดีมีคืน ในวงเงิน 1,200 ล้านบาท โดยคืนดอกเบี้ย 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง ไม่เกิน 1,000 บาท และโครงการ “นาทีทองลูกค้า NPLs” โดยการลดดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยตามอัตราการลดดอกเบี้ยงของโครงการ ตั้งแต่ 10-50% ทั้ง 2 โครงการ ภายในวันที่ 15 ธ.ค.64-31 มี.ค.65
3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ 2565 สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านของ ธอส. ที่มีวินัยในการผ่อนชำระ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มชำระดี 48 เดือน (นับถึงงวดเดือน พ.ย. 2564) ได้รับเงิน 1,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ชำระเงินกุ้ผ่านแอพพลิเคชัน GHB ALL ในงวดเดือน พ.ย.-ธ.ค.64 หรือกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือนผ่อนชำระผ่านหน่วยงาน และ 2) กลุ่มชำระดี 43 เดือน ได้รับเงิน 500 บาท ภายใต้เงื่อนไขชำระเงินกู้ผ่านแอพพลิเคชัน GHB ALL ในงวดเดือน ธ.ค.64-ม.ค.65 หรือกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือนผ่อนชำระผ่านหน่วยงาน
SMEลงทะเบียนส่งเสริมจ้างงานรอบ2 ภายใน20 ธ.ค.64
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 กระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้นายจ้าง สถานประกอบการภาคเอกชน ขนาดเล็ก-กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 ผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” ภายในวันที่ 20 ธ.ค.64 เพื่อรับเงินอุดหนุนตามโครงการฯ จากรัฐ ซึ่งตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.-16 ธ.ค.64 มีสถานประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 จำนวน 14,829 แห่ง มีลูกจ้างสัญชาติไทยจำนวน 118,087 คน
สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ไม่สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการฯ ผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสาร ประกอบด้วย หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี) และสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา) โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ ติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้
หลังจากสมัครร่วมโครงการแล้วจะต้องสมัครใช้งานระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม และนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือน เพื่อมีสิทธิรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในเดือน ธ.ค.64 และเดือน ม.ค.65 ในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คน โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนเช่นเดียวกับนายจ้างที่ลงทะเบียนรอบแรก
รัฐเตรียมเยียวยา 5,000 บาทกับผู้ประกอบอาชีพสถานบันเทิง
ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพสถานบันเทิง ตอนนี้รัฐบาลเตรียมพร้อมจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนในกิจการดังกล่าวได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อคน ขณะนี้กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดโครงการ ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเร็วๆนี้ โดยคาดว่าจะสามารถโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประชาชนรอบแรกภายในปลายเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ประกันตนที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิงเช่นกัน
ผู้ที่จะได้รับสิทธิเยียวยาตามโครงการนี้จะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงที่จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้การรับรอง
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 และรีบชำระเงินสมทบให้ทันภายในวันที่ 14 ม.ค.65 พร้อมให้ทางสมาคมดังกล่าวข้างต้นรับรองภายในวันที่ 28 ม.ค.65 จึงขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้รีบสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งนอกจากจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐแล้ว ยังมีสิทธิประโยชย์ที่สำนักงานประกันสังคมคุ้มครอง เช่น การจ่ายเงินทดแทนกรณีประสบอันตรายเจ็บป่วยเมื่อนอนโรงพยาบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.amarintv.com/article/detail/16064