วันนี้ 11 พ.ค.68 เมื่อเวลาประมาณ 01.10 น. ร.ต.อ.จักรกริช แก้วทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.สิเกา ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกเผานั่งยางเสียชีวิต จำนวน 3 ราย เหตุเกิดภายในร่องน้ำสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรภัทร ปิยะถาวร ผกก. สภ.สิเกา เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง
ถึงที่เกิดเหตุพบโครงกระดูและชิ้นส่วนมนุษย์ อวัยวะภายใน รวมจำนวน 3 ร่าง ถูกเผานั่งยางรถยนต์อยู่ในร่องคูน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างสวนปาล์มน้ำมัน 2 สวนติดกัน ทราบชื่อคือ นายสุรเชษฐ์ ล้วนเกียรติขจร หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี นายอนันต์ โตชนก อายุ 49 ปี และนายวีระยุทธ ตั้นหนูลา อายุ 41 ปี ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นลูกน้องของนายสุรเชษฐ์ ถัดขึ้นมาประมาณ 10 เมตร ในที่พักร้างภายในสวนปาล์มน้ำมันที่อยู่ติดกัน พบคราบเลือดกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น มีการนำน้ำมาราด และนำดินมากลบเพื่อทำลายหลักฐาน ใกล้กันพบแกลลอนสำหรับตักน้ำ 1 ถังตั้งอยู่ ปลอกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 11 มม. อีก 1 ปลอก ถัดออกไปด้านหน้าที่พักร้าง พบขวดเปล่าซึ่งใช้ใส่น้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิง 1 ขวด เจ้าหน้าที่หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ และโทรศัพท์มือถือของผู้ตายทั้งหมดหายไป โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายนำหลบหนีไป
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ตภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ตำรวจ กก.สส.ภ.9 ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรัง และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้พบหลุมฝังศพที่ถูกเผานั่งยางในหลุมอีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันที่ผู้ตายดูแลอยู่ ถัดจากจุดที่เผานั่งยางทั้ง 3 ศพประมาณ 300 เมตร พบบริเวณปากหลุมฝังกลบมีกิ่งต้นกระถินป่าแห้งปกคลุมอยู่ ทางผู้ใหญ่บ้าน จึงได้นำจอบมาขุดลึกประมาณ 1 ฟุต พบเศษยางรถยนต์และรถสิบล้อมีร่องรอยถูกเผา ข้างกันมีเศษกระดูกมนุษย์จึงขุดหลุมขุดเพิ่มพบโครงกระดูกมนุษย์และชิ้นเนื้อที่กำลังเน่า ไม่ทราบเพศ ฝังอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งกระจาย นอกจากนี้พบกระป๋องกาแฟตกอยู่ 2 กระป๋อง และรอยหักกิ่งไม้หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่ามีการกลบฝังมาประมาณ 2-4 สัปดาห์
เบื้องต้น พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบรายชื่อบุคคลสูญหาย ทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เผานั่งยาง 3 ด้วยหรือไม่
นายเรืองศักดิ์ ลูกชายของนายสุรเชษฐ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เล่าว่า พ่อทำงานดูแลสวนปาล์มแห่งนี้ ให้เจ้าของสวนมาประมาณ 3–4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือขัดแย้งกับใครเลย เท่าที่ตนรู้ พ่อก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับใคร หรือมีเรื่องอะไรผิดปกติ ก่อนเกิดเหตุ พ่อได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยทะลายปาล์มน้ำมันในสวน จึงรีบเดินทางออกมาตรวจสอบพร้อมลูกน้องอีก 2 คน โดยออกจากบ้าน ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ในเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ของเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.68) หลังจากนั้นช่วงเย็น เริ่มเอะใจว่าทำไมพ่อยังไม่กลับบ้าน ปกติพ่อจะกลับมาให้อาหารหมาทุกวัน ก็เลยเริ่มออกตามหา ได้สอบถามไปยังลูกน้องคนอื่น ๆ จนทราบว่าพ่อเดินทางมาที่ จ.ตรัง จึงพยายามออกตามหาตามสวนปาล์มที่พ่อดูแล จนกระทั่งช่วงประมาณ 19.00 น. เข้ามาถึงสวนแห่งนี้ ก็เห็นแสงไฟลุกขึ้นจากร่องน้ำข้างสวน ตอนนั้นใจไม่ดีเลย รีบเข้าไปดู ก็เห็นเลยว่ามีคนถูกเผาอยู่ตรงนั้น ตอนนั้นก็รู้เลยว่าน่าจะเป็นพ่อกับลูกน้องแล้ว ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยตอนนั้นยังโดนไฟเผาไม่ทั้งหมด เห็นหัวกะโหลก ซึ่งคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้
นายจำลอง ตี้พั้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 กล่าวว่า ตามปกตินายสุรเชษฐ์ หนึ่งในผู้ตายจะกลับบ้านเป็นเวลาที่ อ.ทรายขาว จ.กระบี่ แต่เมื่อวานนี้ลูกชายไม่เห็นผู้ตายกลับเข้ามาที่บ้าน จึงโทรศัพท์หาแต่โทรไม่ติด เมื่อโทรหาลูกน้องที่ไปกับพ่อ สายแรกโทรติดแต่ไม่มีผู้รับ เมื่อโทรหาอีกครั้งถูกปิดโทรศัพท์ไปแล้ว จึงออกมาตามที่สวนปาล์ม พบมีแสงเพลิงอยู่ภายในร่องปาล์ม จึงรีบแจ้งตำรวจร่วมตรวจสอบ ก่อนชาวบ้านบรรทุกรถน้ำมาช่วยดับก็พบเศษกระดูก และชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในกองเพลิง สำหรับผู้ตายนั้นดูแลสวนปาล์มแห่งนี้มานานแล้ว ให้กับเจ้าของสวนที่อยู่ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเนื้อที่ 100 กว่าไร่ แต่บางส่วนอยู่ในที่ดินป่าชายเลน ซึ่งได้ถูกตรวจยึดไปแล้วบางส่วน โดยเข้ามาใส่ปุ๋ย และดูแลความเรียบร้อยเป็นประจำ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับคนในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้โทรหาตนเรื่องที่มีคนมาลักขโมยลูกปาล์มในสวน และยังบอกกับตนว่าให้คุยกับนายบิน ซึ่งดูแลสวนปาล์มที่อยู่ติดกันอีกสวนหนึ่งประมาณ 36 ไร่ เรื่องจะให้ดูแลสวนปาล์มเพื่อกันขโมย และต้นเดือน พ.ค. โทรหาตนอีกรอบแต่ตนไม่ได้รับสาย จนมาเกิดเหตุสลดครั้งนี้ ส่วนสาเหตุตนมองว่าสาเหตุอาจจะมาจากปัญหาเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับสวนยางพารา และปัญหาที่มีคนร้ายเข้ามาขโมยผลปาล์มน้ำมัน เพราะเท่าที่ทราบไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน
ส่วนพฤติการณ์คาดว่า ภายหลังกลุ่มผู้ตายเดินทางมาถึง น่าจะบังเอิญเจอกับกลุ่มคนร้าย ซึ่งอาจจะเข้ามาลักขโมยปาล์ม หรือกลุ่มอื่นๆที่หวังจะเข้ามาหาผลประโยชน์ในพื้นตรงนี้ ก่อนจะมาพูดคุยในที่พักร้าง ซึ่งอยู่ภายในสวนที่ติดกัน ซึ่งพบคราบเลือดและปลอกกระสุน โดยน่าจะมีปัญหาพูดคุยกันไม่ลงตัว กลุ่มคนร้ายจึงคาดว่าน่าจะใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มผู้ตายบางคน หรืออาจจะทั้งหมด ก่อนนำไปเผานั่งยางเพื่ออำพรางคดีร่องคูน้ำที่อยู่หลังที่พักร้างดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างกันแค่เพียง 10 เมตร และนำทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรถยนต์และมือถือของผู้ตายไปด้วย โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ส่วนอีก 1 ศพที่พบถูกเผานั่งยางและฝังดินเอาไว้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์นั้นยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ด้วยหรือไม่ และเป็นใครนั้นขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเนื่องจากในพื้นที่ไม่พบมีการแจ้งบุคคลสูญหาย
เบื้องต้นนายศุภกรณ์ หรือบิน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ชาว ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ดูแลปาล์มน้ำมันจำนวน 36 ไร่ ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกัน ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยขณะนี้ยังติดตามไม่พบตัว ส่วนมูลเหตุคาดว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมัน โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 คนในการลงมือก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย ได้กระจายกำลังออกหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Advertisement