ประเทศไทยมีการประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการรับสินบนว่าอาจสูงถึง 200,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้เกือบเทียบเท่างบประมาณของกระทรวงหนึ่งที่ใช้ในการดูแลประชาชนตลอดทั้งปี SPOTLIGHT Anti Corruption Season 3 ในตอนนี้ ไปติดตามสถานการณ์การทุจริตระดับท้องถิ่นในประเด็นการบริหารงานบุคคล ซึ่งมีการเรียกรับสินบนบ่อยครั้ง เพื่อแลกกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการท้องถิ่นไปจนถึงการต่อสัญญาพนักงานจ้าง เรื่องนี้จะมีทางแก้ไขอย่างไรบ้าง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ถูกจัดตั้งตามหลักการกระจายอำนาจการปกครอง ซึ่งเป็นหลักที่รัฐมอบอำนาจการปกครองบางส่วนให้ อปท. ในการจัดทำบริการสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการ หรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในท้องถิ่น โดยกำหนดให้ อปท. มีบุคลากร งบประมาณ และมีอำนาจในการบริหารจัดการ ตั้งแต่การพัฒนาเศรษฐกิจ การวางระบบสาธารณูปโภค ไปจนถึงการจัดทำบริการและสวัสดิการสังคมภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล แต่การกระจายอำนาจการปกครองไปสู่ท้องถิ่นนี้กลับเต็มไปด้วยการทุจริต สะท้อนจากรายงานสถานการณ์การทุจริตประเทศไทย ประจำปี 2567 ของ ป.ป.ช. ที่พบว่าหน่วยงานรัฐที่ถูกกล่าวหาร้องเรียนเข้ามามากที่สุดคือ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน SPOTLIGHT ว่าเรื่องร้องเรียนการทุจริตและการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น หากเทียบกับจำนวนของ อปท. ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
ปัจจุบัน จำนวน อปท. ทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 7,845 แห่ง แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง, เทศบาล 2,474 แห่ง, องค์การบริหารส่วนตำบล 5,293 แห่ง และองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ 2 แห่ง คือกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา
หากมองเฉพาะประเด็นการทุจริตในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลของ อปท. ส่วนใหญ่จะพบรูปแบบและลักษณะการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับผลประโยชน์ อาทิ การสอบบรรจุเป็นข้าราชการ การต่อสัญญาจ้างของลูกจ้าง อปท. และการขอโอนย้ายเพื่อกลับภูมิลำเนาของข้าราชการ ซึ่งเรื่องนี้กำลังสะท้อนว่า “มานะตน” ของผู้ที่ขยันทำงานมาตลอด อาจต้องพ่ายแพ้ให้กับ “อำนาจมืด” ของผู้บริหารท้องถิ่น
จากข้อมูลคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการรับสินบนใน อปท. ระหว่างปีงบประมาณ 2562 - 2565 พบว่า “ผู้บริหารท้องถิ่น” เป็นตำแหน่งที่ถูกชี้มูลความผิดมากที่สุด ขณะที่ประเด็นอำนาจในการบริหารงานบุคคลก็มีช่องโหว่ สอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ของศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ และคณะ ที่พบว่าการทุจริตในเรื่องการบริหารงานบุคคล มีสาเหตุมาจากกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการบริหาร อปท. มีการให้อำนาจแก่ผู้บริหารท้องถิ่นมากเกินไป
ขณะที่ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “การรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ป.ป.ช. เมื่อปี 2566 พบว่าการรับสินบนใน อปท. สามารถเกิดขึ้นได้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่ง “ผู้บริหารท้องถิ่น” เนื่องจากมีการให้อำนาจมากในการพิจารณาอนุมัติอนุญาต ทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารงานบุคคล
นายกฤษฎา อินทามระ ผู้ที่ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า “ทนายปราบโกง” ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน SPOTLIGHT ว่าแนวทางในการแก้ไขการทุจริตในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลของ อปท. นั้น คือการลดทอนอำนาจของผู้บริหารท้องถิ่นที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ตั้งแต่ลดการใช้ดุลพินิจของผู้บริหารท้องถิ่น ไปจนถึงขอบเขตอำนาจในการให้คุณให้โทษแก่บุคคล โดยนายกฤษฎาให้คำแนะนำว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบประเมินและตัดสินว่าจะต่อสัญญาจ้างหรือไม่ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ฉะนั้น การลดทอนอำนาจของผู้บริหารท้องถิ่นที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล เชื่อว่าจะสามารถอุดช่องโหว่และป้องกันการใช้อำนาจเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนได้ทางหนึ่ง
Advertisement